23 พฤษภาคม 2556

ทริปที่เที่ยวเชียงใหม่ พิชิตดอยผ้าห่มปก



ทริปที่เที่ยวเชียงใหม่ พิชิตดอยผ้าห่มปก


              จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดท่องเที่ยวยอดฮิตมีสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่และดอยสวยมากมาย ที่สำคัญมีดอยที่สูงติดอันดับ 1-3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ด้วย อันดับ  1 ดอยอินทนนท์ อันดับ  2 ดอยผ้าห่มปก และอันดับ 3 ดอยหลวงเชียงดาว  สำหรับฉันอันดับ 1 ไปมาหลายครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา  อันดับ 3 เคยไปพิชิตความสูงมาแล้ว  อันดับ 2 ได้ยินชื่อมานานแต่ยังไม่เคยไปซักครั้ง  ประจวบเหมาะกับได้เห็นภาพดอยหนึ่งทางโลกออนไลน์และการบอกต่อจากคนรู้จักชื่อว่า ดอยม่อนล้าน  ซึ่งอาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่แต่เมื่อได้เห็นจากภาพทำให้ต้องรีบใส่ชื่อดอยนี้ในการเดินทางครั้งนี้ด้วย  ทริปที่ตั้งใจและรอคอยมานานจึงเกิดขึ้น ดอยผ้าห่มปก ดอยม่อนล้าน
             เดินทางมาถึงอำเภอฝางแต่เช้าตรู่  อากาศหนาวใช้ได้เลยทีเดียวแอบตกใจเล็กน้อยเพราะตลอดเวลาที่มาเที่ยวเหนือก่อนหน้านี้แทบไม่มีความหนาวแบบสุดขั้วเท่าไหร่  ฉันคิดในใจข้างล่างหนาวขนาดนี้บนยอดดอยจะหนาวขนาดไหน  หลังจากรับประทานข้าวเช้าในตัวอำเภอฝางเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก แวะไปเที่ยว บ่อน้ำพุร้อนฝาง ซึ่งตั้งอยู่ภายในตัวอุทยาน  หนาวๆแบบนี้ ได้ไออุ่นจากน้ำพุร้อนมากระทบร่างกายบ้างก็ช่วยให้อุ่นดีไม่น้อย

           น้ำพุร้อนในแต่ละบ่อ มีคุณสมบัติของแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย เช่น แคลเซียม โซเดียม ซัลเฟอร์ ที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคผิวหนัง และโรคไขข้ออักเสบได้ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีเมื่อนำมาอาบ  บ่อน้ำพุร้อนฝางก็ได้ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่ามีคุณสมบัติของแร่ธาตุดังกล่าว ที่สามารถนำมาอาบได้โดยปลอดภัย ทางอุทยานฯ ได้จัด ทำห้องอาบน้ำแร่ ห้องอบไอน้ำ และบ่อน้ำร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่ต้องการมาอาบน้ำพุร้อน  โดยมีให้เลือก 2 แบบ แบบแรก คือ บ่ออาบน้ำแร่กลางแจ้งไม่จำกัดเวลา ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท  โดยจะมีการปล่อยน้ำแร่ให้ไกลไปตามบ่อต่างๆ
            เดินชมบ่อน้ำพุร้อน ได้ซักพักใหญ่สายแล้วเริ่มรู้สึกร้อน  ออกจากตัวอุทยาน ฯ เพื่อไปยัง สวนส้มธนาธร  สวนส้มชื่อดังของอำเภอฝาง ผ่านไปผ่านมาหลายครั้งแต่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปชมบรรยากาศข้างในซักที ด้านหน้าสวนส้ม มีการตกแต่งสวน ประดับประดาด้วยดอกไม้และต้นไม้เมืองหนาวนา นา ชนิด การชมสวนส้มธนาธร จะมีรถรางใช้บริการนำชมแต่ละจุด ค่าบริการคนละ 30 บาท  นั่งรถชมวิวมองเห็นที่พักริมน้ำบรรยากาศดีมาก

              ต่อมา เดินทางกลับไปยังอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ที่เที่ยวเชียงใหม่เพื่อเปลี่ยนรถเป็นรถกระบะเพื่อขึ้นไปยังดอยผาห่มปก การขึ้นไปยอดดอย รถเก๋งและรถตู้ไม่สามารถขึ้นไปได้ค่ะ เพราะเส้นทางเป็นดินลูกรังเป็นหลุมบ่อและขันในบางช่วง ส่วนใหญ่จะจอดไว้ที่ทำการอุทยาน ฯ แล้วใช้บริการรถกระบะนำเที่ยวขึ้นดอยผ้าห่มปก  ราคา 1800-2200 บาท สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดรถเช่าได้ที่ โทร 085 447 5810
นั่งรถมาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงลานกางเต้นท์กิ่วลม ซึ่งเป็นลานกางเต้นท์ที่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นที่พักเพียงแห่งเดียวบน ดอยผ้าห่มปก ฉันจองเต้นท์ผ่านเว็บไซต์ของอุทยานไว้ล่วงหน้าเนื่องจากมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวเกรงว่าเต้นท์จะเต็ม แต่ถ้ามีเต้นท์ของตัวเองก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้  ที่นี่ไม่มีบ้านพัก และไม่มีอาหาร ต้องเตรียมมาเอง จะมีเพียงซุ้มเล็กขายมาม่า กาแฟโอวัลตินและน้ำร้อนของเจ้าหน้าที่เท่านั้น

ตื่นมาตั้งแต่ตีสามครึ่งล้างหน้าล้างตา เวลาที่เริ่มออกเดินทางประมาณตี 4 เพื่อให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้น การพิชิตยอดดอยผ้าห่มปกต้องเดินเท้าจากลานกางเต้นท์ไปอีก 3.5 ก.ม. รวมระยะทางไปกลับก็ประมาณ 7 กิโล ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง  การขึ้นไปยอดดอยจะต้องแจ้งทางอุทยานฯ  โดยจะจัดคนนำทางให้ 1 คน /กลุ่ม (กลุ่มหนึ่งไม่เกิน 10 คน)  นักท่องเที่ยวไม่ควรขึ้นไปเองค่อนข้างเสี่ยงต่อการหลงทาง เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างมืดและชันควรพกไฟฉายไปด้วย ส่วนรองเท้าก็ให้พร้อมจะเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าแบบสายรัดเท้าก็ได้   เส้นทางในช่วงแรกถ่ายภาพมาให้ชมตอนขากลับซึ่งสว่างแล้ว  ม่อนวัดใจ จุดนี้พวกเราเรียกว่า จุดหักเหของชีวิตว่าจะไปต่อหรือเดินกลับ เพราะม่อนนี้สมชื่อม่อนวัดใจจ ด้วยเส้นทางชันและแคบมาก ยิ่งเดินในอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บตอนตี 4 อาจทำให้ถอดใจกลับได้ง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่จะนึกว่าถ้าเส้นทางเป็นแบบนี้จนถึงยอดคงไปต่อไม่ไหวแน่ๆ คณะของฉันขึ้นกันมา 7 คน ถอดใจกลับกลางทางตรงม่อนวัดใจ 2 คน  ตัวฉันเองก็เกือบจะกลับไปด้วยเพราะไม่ได้มีการเตรียมตัวและเตรียมใจมาก่อนว่าต้องมาเดินขนาดนี้ แต่เมื่อมาถึงแล้วด้วยหน้าที่เราต้องเดินต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย
ขึ้นมาถึงยอดดอยผ้าห่มปกจนได้ มาพบกับพระอาทิตย์ท่ามกลางฟ้าสีฟ้าเข้มสวยงาม เสียงบ่น ความเหนื่อย และความหนาว เริ่มหายไป  การเดินทางของฉันถึงแม้จะได้เห็นภาพแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นก็ยังคงตื่นเต้นและไม่รู้สึกเบีอที่จะมองและเก็บภาพความประทับใจในช่วงวินาทีนั้นกลับมา

เกือบ 8 โมงกว่าได้เวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับ  ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า เก็บบันทึกไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งพวกเราเคย ออกเดินทางฝ่าความเหน็บหนาวตอนตี 4 ด้วยกัน เพื่อพิชิตยอดดอยที่สูงอันดับ 2 ของ ประเทศไทย ดอยผ้าห่มปก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น