28 พฤษภาคม 2556

เที่ยวเชียงใหม่ เที่ยวแม่ริม ชมดอกไม้สวย


เที่ยวเชียงใหม่ เที่ยวแม่ริม ชมดอกไม้สวย

แม่ริม อำเภออีกหนึ่งอำเภอที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียงงไม่ถึงสี่สิบนาทีจากตัวเมือง เราก็จะได้พบกับ สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่สวยงามและน่าสนใจมากมาย เริ่มจาก ม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม และดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิดให้เราได้ชมมากมายและด้วยการจัดตกแต่งที่ค่อยข้างจะครีเอทให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินเล่นอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้ ไม่ว่าจะหันไปมุมไหนก็ตาม ม่อนแจ่มจึงกลายเป็นสถานที่สุดแสนโรแมนติกอีกแห่งหนึ่ง ที่ไม่ควรพลาดและใ่ส่ไว้ในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว
ม่อนแจ่ม

ม่อนแจ่ม เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้ง หนองหอย อ.แม่ริม   มีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้าให้ได้ชม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ โดยรอบไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อก่อนพื้นที่ บริเวณนี้ เป็นป่ารกร้าง จนในท้ายที่สุดโครงการหลวงมาขอซื้อพื้นที่ เมื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลวง คุณแจ่ม-แจ่มจรัส สุชีวะ หลานของ ม.จ. ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงบริเวณม่อนแจ่มให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะในลักษณะ ของแค้มปิ้งรีสอร์ท  ที่พักเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ข้างบน คือ ม่อนแจ่ม แคมปิ้ง รีสอร์ท มีร้านอาหารเชียงใหม่ให้บริการ มีที่พักแบบเต้นท์พร้อมเครื่องนอน (ไม่อนุญาติให้นำเต้นท์ส่วนตัวมากางข้างบน) นอกจากนี้ก็จะมีที่พักของเอกชนต่างๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นไปม่อนแจ่ม ให้บริการอีกหลายแห่งแต่ไม่เยอะมาก
ม่อนแจ่ม

ม่อนแจ่ม มีเนื้อที่ไม่กว้างมาก จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โซนนั่งเล่น รับประทานอาหาร เป็นกระท่อมแนบชิดธรรมชาติ นั่งทานไปชมวิวภูเขาไป ชิวสุดๆ
ม่อนแจ่ม

ดอกไม้ที่เที่ยวเชียงใหม่ สวยงามจริงๆ

อำเภอแม่ริม ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ฟาร์มงูแม่สา  สวนกล้วยไม้และ ฟาร์มผีเสื้อ บ้านม้งแม่สาใหม่ จบทริปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอแม่ริม รู้สึกอิ่มใจและมีความสุขกับสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ของที่นี่ไม่น้อย แล้วอย่าลืมแวะมากันน่ะค่ะ




ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

23 พฤษภาคม 2556

ทริปที่เที่ยวเชียงใหม่ พิชิตดอยผ้าห่มปก



ทริปที่เที่ยวเชียงใหม่ พิชิตดอยผ้าห่มปก


              จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดท่องเที่ยวยอดฮิตมีสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่และดอยสวยมากมาย ที่สำคัญมีดอยที่สูงติดอันดับ 1-3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ด้วย อันดับ  1 ดอยอินทนนท์ อันดับ  2 ดอยผ้าห่มปก และอันดับ 3 ดอยหลวงเชียงดาว  สำหรับฉันอันดับ 1 ไปมาหลายครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา  อันดับ 3 เคยไปพิชิตความสูงมาแล้ว  อันดับ 2 ได้ยินชื่อมานานแต่ยังไม่เคยไปซักครั้ง  ประจวบเหมาะกับได้เห็นภาพดอยหนึ่งทางโลกออนไลน์และการบอกต่อจากคนรู้จักชื่อว่า ดอยม่อนล้าน  ซึ่งอาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่แต่เมื่อได้เห็นจากภาพทำให้ต้องรีบใส่ชื่อดอยนี้ในการเดินทางครั้งนี้ด้วย  ทริปที่ตั้งใจและรอคอยมานานจึงเกิดขึ้น ดอยผ้าห่มปก ดอยม่อนล้าน
             เดินทางมาถึงอำเภอฝางแต่เช้าตรู่  อากาศหนาวใช้ได้เลยทีเดียวแอบตกใจเล็กน้อยเพราะตลอดเวลาที่มาเที่ยวเหนือก่อนหน้านี้แทบไม่มีความหนาวแบบสุดขั้วเท่าไหร่  ฉันคิดในใจข้างล่างหนาวขนาดนี้บนยอดดอยจะหนาวขนาดไหน  หลังจากรับประทานข้าวเช้าในตัวอำเภอฝางเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก แวะไปเที่ยว บ่อน้ำพุร้อนฝาง ซึ่งตั้งอยู่ภายในตัวอุทยาน  หนาวๆแบบนี้ ได้ไออุ่นจากน้ำพุร้อนมากระทบร่างกายบ้างก็ช่วยให้อุ่นดีไม่น้อย

           น้ำพุร้อนในแต่ละบ่อ มีคุณสมบัติของแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย เช่น แคลเซียม โซเดียม ซัลเฟอร์ ที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคผิวหนัง และโรคไขข้ออักเสบได้ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีเมื่อนำมาอาบ  บ่อน้ำพุร้อนฝางก็ได้ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่ามีคุณสมบัติของแร่ธาตุดังกล่าว ที่สามารถนำมาอาบได้โดยปลอดภัย ทางอุทยานฯ ได้จัด ทำห้องอาบน้ำแร่ ห้องอบไอน้ำ และบ่อน้ำร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่ต้องการมาอาบน้ำพุร้อน  โดยมีให้เลือก 2 แบบ แบบแรก คือ บ่ออาบน้ำแร่กลางแจ้งไม่จำกัดเวลา ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท  โดยจะมีการปล่อยน้ำแร่ให้ไกลไปตามบ่อต่างๆ
            เดินชมบ่อน้ำพุร้อน ได้ซักพักใหญ่สายแล้วเริ่มรู้สึกร้อน  ออกจากตัวอุทยาน ฯ เพื่อไปยัง สวนส้มธนาธร  สวนส้มชื่อดังของอำเภอฝาง ผ่านไปผ่านมาหลายครั้งแต่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปชมบรรยากาศข้างในซักที ด้านหน้าสวนส้ม มีการตกแต่งสวน ประดับประดาด้วยดอกไม้และต้นไม้เมืองหนาวนา นา ชนิด การชมสวนส้มธนาธร จะมีรถรางใช้บริการนำชมแต่ละจุด ค่าบริการคนละ 30 บาท  นั่งรถชมวิวมองเห็นที่พักริมน้ำบรรยากาศดีมาก

              ต่อมา เดินทางกลับไปยังอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ที่เที่ยวเชียงใหม่เพื่อเปลี่ยนรถเป็นรถกระบะเพื่อขึ้นไปยังดอยผาห่มปก การขึ้นไปยอดดอย รถเก๋งและรถตู้ไม่สามารถขึ้นไปได้ค่ะ เพราะเส้นทางเป็นดินลูกรังเป็นหลุมบ่อและขันในบางช่วง ส่วนใหญ่จะจอดไว้ที่ทำการอุทยาน ฯ แล้วใช้บริการรถกระบะนำเที่ยวขึ้นดอยผ้าห่มปก  ราคา 1800-2200 บาท สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดรถเช่าได้ที่ โทร 085 447 5810
นั่งรถมาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงลานกางเต้นท์กิ่วลม ซึ่งเป็นลานกางเต้นท์ที่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นที่พักเพียงแห่งเดียวบน ดอยผ้าห่มปก ฉันจองเต้นท์ผ่านเว็บไซต์ของอุทยานไว้ล่วงหน้าเนื่องจากมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวเกรงว่าเต้นท์จะเต็ม แต่ถ้ามีเต้นท์ของตัวเองก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้  ที่นี่ไม่มีบ้านพัก และไม่มีอาหาร ต้องเตรียมมาเอง จะมีเพียงซุ้มเล็กขายมาม่า กาแฟโอวัลตินและน้ำร้อนของเจ้าหน้าที่เท่านั้น

ตื่นมาตั้งแต่ตีสามครึ่งล้างหน้าล้างตา เวลาที่เริ่มออกเดินทางประมาณตี 4 เพื่อให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้น การพิชิตยอดดอยผ้าห่มปกต้องเดินเท้าจากลานกางเต้นท์ไปอีก 3.5 ก.ม. รวมระยะทางไปกลับก็ประมาณ 7 กิโล ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง  การขึ้นไปยอดดอยจะต้องแจ้งทางอุทยานฯ  โดยจะจัดคนนำทางให้ 1 คน /กลุ่ม (กลุ่มหนึ่งไม่เกิน 10 คน)  นักท่องเที่ยวไม่ควรขึ้นไปเองค่อนข้างเสี่ยงต่อการหลงทาง เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างมืดและชันควรพกไฟฉายไปด้วย ส่วนรองเท้าก็ให้พร้อมจะเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าแบบสายรัดเท้าก็ได้   เส้นทางในช่วงแรกถ่ายภาพมาให้ชมตอนขากลับซึ่งสว่างแล้ว  ม่อนวัดใจ จุดนี้พวกเราเรียกว่า จุดหักเหของชีวิตว่าจะไปต่อหรือเดินกลับ เพราะม่อนนี้สมชื่อม่อนวัดใจจ ด้วยเส้นทางชันและแคบมาก ยิ่งเดินในอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บตอนตี 4 อาจทำให้ถอดใจกลับได้ง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่จะนึกว่าถ้าเส้นทางเป็นแบบนี้จนถึงยอดคงไปต่อไม่ไหวแน่ๆ คณะของฉันขึ้นกันมา 7 คน ถอดใจกลับกลางทางตรงม่อนวัดใจ 2 คน  ตัวฉันเองก็เกือบจะกลับไปด้วยเพราะไม่ได้มีการเตรียมตัวและเตรียมใจมาก่อนว่าต้องมาเดินขนาดนี้ แต่เมื่อมาถึงแล้วด้วยหน้าที่เราต้องเดินต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย
ขึ้นมาถึงยอดดอยผ้าห่มปกจนได้ มาพบกับพระอาทิตย์ท่ามกลางฟ้าสีฟ้าเข้มสวยงาม เสียงบ่น ความเหนื่อย และความหนาว เริ่มหายไป  การเดินทางของฉันถึงแม้จะได้เห็นภาพแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นก็ยังคงตื่นเต้นและไม่รู้สึกเบีอที่จะมองและเก็บภาพความประทับใจในช่วงวินาทีนั้นกลับมา

เกือบ 8 โมงกว่าได้เวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับ  ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า เก็บบันทึกไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งพวกเราเคย ออกเดินทางฝ่าความเหน็บหนาวตอนตี 4 ด้วยกัน เพื่อพิชิตยอดดอยที่สูงอันดับ 2 ของ ประเทศไทย ดอยผ้าห่มปก

22 พฤษภาคม 2556

ทำบุญไหว้พระเก้าวัด ที่วัดในจังหวัดเชียงใหม่


ทำบุญไหว้พระเก้าวัด จิตใจผ่องใส ที่วัดในจังหวัดเชียงใหม่


แผนที่ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
เชียงใหม่มีวัดวาอารามที่สวยงามสไตล์ล้านนา ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย มาถึงเชียงใหม่แล้ว ลองหาเวลา 1 วัน ไหว้พระให้ครบ 9 วัด เพื่อขอพรและความเป็นสิริมงคลกับชีวิต ในแต่ละวัดที่มีชื่อเสียงในเมืองเชียงใหม่อย่างเช่น วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง วัดเชียงมั่น และวัดที่มีชื่อเป็นสิริมงคล อย่างเช่น วัดดวงดี วัดหมื่นล้าน วัดดับภัย เป็นต้น ซึ่งในแต่ละวัดก็จะอยู่ในละแวกเดียวกัน ไม่ไกลกันมากนัก
ไปตามเส้นทางในเมืองเชียงใหม่วัดแรกที่เราจะเริ่มไปขอพรกัน คือ วัดเชียงมั่น ตั้งอยู่ถนนราชภาคิไนยเพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จและความมั่นคงของชีวิต  วัดเชียงมั่นในอดีตคือวัด คู่พระบารมีของพระนางเจ้าจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย และพญาเมงราย ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา  มาถึงแล้วอย่าลืมสักการะพระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ภายในโบสถ์ด้วยค่ะฃไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
นั่งรถต่อมายังวัดที่สอง  ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน วัดดวงดี ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกกลางเวียงใกล้อนุสาวรีย์สามกษัตริย์  มาไหว้แล้วขอพรให้ดวงดีตลอดปีเหมือนกับชื่อวัดค่ะ วัดดวงดีเป็นวัดที่มีศิลปะหลายๆอย่างให้ดูให้ศึกษาเป็นวัดที่มีศิลปะที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของนครเชียงใหม่
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
จากวัดดวงดี เลี้ยงซ้ายตรงมาเพียงนิดเดียวมาถึงวัดที่ 3 วัดวัดเจดีย์หลวง เป็นวัดที่งดงามอีกวัดหนึ่งของ และเป็นอีก 1 สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่โดดเด่นคงเป็นพระเจดีย์หลวงเจดีย์อิฐโบราณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่  หน้าประตูวิหารมีบันไดนาคเลื้อยลงมาใช้หางกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตู ถือว่าเป็นนาคที่งามที่สุดของภาคเหนือ  นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญให้กราบไหว้บูชามากมาย ทั้งพระประธานในพระวิหารหลวง พระนอนซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังเจดีย์ เสาอินทขิล หรือเสาหลักเมืองตั้งอยู่กลางวิหารจตุรมุขศิลปะแบบล้านนาประยุกต์
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
และก็มาถึงวัดที่ 4 วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดเก่าแก่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาช้านานมาวัดนี้เพื่อมากราบไหว้ขอพร พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเชียงใหม่   ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ วิหารทรงพื้นเมืองล้านนา  วัดพระสิงห์มีพระอุโบสถและสถาปัตยกรรมพื้นเมืองล้านนาที่มีลวดลายแกะสลัก สวยงาม โดยเฉพาะพระเจดีย์ทรงปราสาท
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่

จากวัดพระสิงห์ตรงสามแยกเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึง วัดที่ 5  วัดชัยพระเกียรติ เที่ยวเชียงใหม่ ทำบุญวัดนี้เพื่อเสริมสร้างเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ให้มีแก่ตัวตนของเรา ต่อจากนั้นให้เพิ่มความสมบูรณ์พูนสุข

ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
นั่งรถย้อนกลับมาเส้นทางเดิมผ่านวัดพระสิงห์เลี้ยวขวาแล้วตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นป้าย วัดหมื่นเงินกอง วัดที่ 6 เป็นวัดที่มีชื่อมงคลซึ่งเหมาะกับการมาไหว้ขอพรทำบุญให้ตนเองได้มั่งมีศรีสุข  มีเงินมีทอง อายุมั่น ขวัญยืน  ที่สำคัญอย่าลืมไปไหว้พระธาตุหมื่นเงินกอง  เพื่อทำบุญใส่บาตรพระธาตุประจำปีเกิด โดยมีพระธาตุจำลององค์เล็ก อยู่ริมรั้วของพระธาตุ ด้วยค่ะ
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
จากวัดหมื่นเงินกอง มายังวัดที่มีชื่อที่เป็นสิริมงคลอีกหนึ่งวัด คือ  วัดดับภัย วัดที่ 7 ของเรา เพื่อมาไหว้ขอพรหลวงพ่อ ดับภัยเมื่อมาที่เที่ยวเชียงใหม่ ซึ่งมีตำนานเล่าลือถึงถึงการดับเภทภัยให้กับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการป่วยไข้ หรือการดับเคราะห์ดวงชะตา ในวัดมีบ่อน้ำที่เรียกว่าบ่อน้ำดับภัย เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ นำไปสรงน้ำพระพุทธมนต์หรือเพื่อสืบดวงชะตาได้
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
บ่ายแก่ๆ มาถึงวัดที่ 8  วัดหมื่นล้าน ซึ่งตั้งอยู่ตรงถนนราชดำเนิน บริเวณ ถนนคนเดินท่าแพ ซึ่งเป็นถนนคนเดินวันอาทิตย์  มาขอพระไหว้นี้จะได้ร่ำรวยมีเงินทองป็นหมื่นล้านเหมือนชื่อวัด
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
และมาถึงวัดสุดท้าย วัดพันอ้น ตั้งอยู่ใกล้กับวัดหมื่นล้าน เดินมาเพียงนิดเดียว ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมาที่วัดนี้แต่ก่อนถึงวัดหมื่นกอง นั่งรถผ่าน เห็นเจดีย์สีทองเหลืองอาร่าม สะดุดตา จึงตั้งใจจะไปไหว้ขอพรพระเจดีย์สีทอง ซึ่ง มีชื่อว่า พระเจดีย์สารีริกธาตุสิริลักษณ์  ภายในบรรจุพระบรมสารีริธาตุ นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธมงคลมหามุณี พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันธาตุ เรียกว่ามาวัดเดียวได้ไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่างเลยทีเดียว
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่

คลิปวิดิโอ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เที่ยวเชียงใหม่






ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

21 พฤษภาคม 2556

สัมผัสธรรมชาติ ท่องเที่ยวอุ่นใจที่แม่กลางหลวง ท่องเที่ยวเชียงใหม่


สัมผัสธรรมชาติที่ แม่กลางหลวง ท่องเที่ยวเชียงใหม่


วันนี้จะพาไปชมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ยิ่งเข้าฤดูท่องเที่ยวนาข้าวขั้นบันได นักท่องเที่ยวต่างมุ่งหน้าไปที่นั่นถ้าเอ่ยชื่อคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แม่กลางหลวง จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ที่สวยงาม และสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่น

แม่กลางหลวง
ฉันมาที่นี่เกือบทุกปี ไม่มุ่งหน้ามาโดยตรงก็แวะเข้ามาชมบรรยากาศ แม่กลางหลวง ที่เที่ยวเชียงใหม่ในวันนี้คงไม่ต้องอธิบายมากว่ามีอะไร แน่นอนมาที่นี่ต้องมาชมบรรยากาศของนาข้าวขั้นบันไดเที่ยวเชียงใหม่ สัมผัสความบริสุทธิ์ของธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้าน ซึ่งหลายคนอาจโหยหาและหาไม่ได้จากความเป็นเมือง ถึงแม้ว่าการกลับมาอีกครั้งจะเห็นความเปลี่ยนไปมากในเวลาอันรวดเร็ว มีร้านค้าที่พักเพิ่มขึ้น แต่สำหรับฉันแม่กลางหลวงยังมีความเป็นธรรมชาติ ผู้คนใจดีอบอุ่นเช่นเคย โดยปกติฉันจะพักกระท่อมปลายนาด้านล่าง ซึ่งเจ้าของที่พักคือ พี่สมศักดิ์ผู้บุกเบิกแม่กลางหลวงจนเป็นที่รู้จัก แต่ครั้งนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาพักอีกแห่งหนึ่ง เพราะเห็นว่าวิวสวยดีสามารถมองเห็นนาข้าวขั้นบันไดได้ในมุมสูงที่พักชื่อ แม่กลางหลวงวิว

แม่กลางหลวง

กาแฟสดที่ถูกบดออกมาเป็นผงจากเครื่อง  ด้วยความที่เป็นคนไม่กินกาแฟเลยไม่รู้ว่าแบบไหนที่เรียกวาหอมอร่อย ได้ยินแต่พี่ที่มาด้วยบอกว่า กาแฟที่นี่หอมดี เป็นกาแฟพันธุ์อาราบิก้าชั้นดี
แค่เราก้าวเข้ามาในร้านปุ๊บ พี่สมศักดิ์ก็จะรีบรินกาแฟใส่แก้วให้เราชิมฟรี พี่สมศักดิ์เล่นมุขว่า กาแฟของแกเป็นกาแฟมือถือค่ายไหนก็กินได้ ฉันแอบงงเล็กน้อยมือถือและค่ายไหนเกี่ยวอะไรกับกาแฟ สุดท้ายเฉลยว่า “ หมายถึงถ้าซื้อกาแฟจะแถมถุงชงโดยใช้มือถือถุงจากนั้นใส่กาแฟชงเองได้ทุกคน ไม่ต้องมีเครื่องบดแค่มีน้ำร้อนก็กินกาแฟของแกได้แล้ว ว่าแล้วมือก็หยิบถุงชงกาแฟให้เราดูน่ารักเลยทีเดียว เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชม

แม่กลางหลวง


ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

20 พฤษภาคม 2556

ปางช้าง-ท่าแพแม่ตะมาน ที่เที่ยวเชียงใหม่


ปางช้าง-ท่าแพแม่ตะมาน ที่เที่ยวเชียงใหม่ 

ปางช้าง-ท่าแพแม่ตะมาน เปิดบริการทุกวัน มีการแสดงของช้างแสนรู้ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 9.30 น. มีบริการนั่งช้างชมธรรมชาติ - นั่งเกวียน - ชมหมู่บ้านชาวเขา
ทานอาหารในบรรยากาศริมแม่น้ำ หรือล่องแพไม้ไผ่ไปตามลำน้ำแม่แตง

บรรยากาศปางช้าง ท่องเที่ยวเชียงใหม่


ช้างจะพาเดินไปตามทางในหมู่บ้านไปจนถึงทะลุทุ่งนาด้านหลัง ชมวิว ชมวิถีชีวิตชาวบ้านแถวๆนั้นไปตามทาง

ต้องเตรียมเงินแบ๊งค์ย่อยๆ ติดตัวไปคอยซื้อกล้วย/อ้อยเลี้ยงช้าง ที่ชาวบ้านเขามาปลูกร้านไว้ดักเราระหว่างทางเป็นระยะ ๆค่ะ ....ไม่ซื้อก็ไม่ได้ เพราะช้างมันจะไม่ยอมเดิน มันอยากกิน....

แล้วเขาจะพาเรามานั่งเกวียนต่อไปเพื่อกลับไปยังปางช้าง เข้ารับประทานอาหารกลางวันที่เขาจัดไว้เป็นบุฟเฟ่ต์ ...อาหารที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ เป็นอาหาไทยง่ายๆ ส่วนเครื่องดื่มต้องซื้อเพิ่มเติม
ค่ะ อิ่มดี พร้อมแล้ว ลงแพไม้ไผ่ล่องไปตามลำน้ำ ใครมีร่มก็ควรเอาติดตัวไปนะคะ เพราะแดดร้อน แต่เขาจะมีหมวกให้ยืมใส่ ... พอขึ้นจากแพก็จะมีรถมารับพวกเรากลับไปที่ปางช้างค่ะ
เส้นทางนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆให้สนุกสนานกันได้อีก เช่น กิจกรรมห้อยโหนไปตามยอดไม้ ขับรถวิบากATV หรือล่องแก่งน้ำเชี่ยวด้วยแพยาง พวกเรายังติดใจไม่กลับ ขับรถลึกเข้าไปตามถนน จะดูหน่อยซิว่ายังมีอะไรอีก
....ทำให้เรามาพบกับวัดเล็กๆที่เก่าแก่วัดหนึ่ง ชื่อวัดเมืองกึ้ด เนื่องจากขณะที่ขับรถมาตามทาง สามารถมองเห็นยอดเจดีย์สีทองเป็นสง่าอยู่บนเขาตามคำบอกเล่าจากท่านเจ้าอาวาสและป้ายอธิบายความเป็นมา พบว่าวัดนี้ เคยเป็นบริเวณที่ตั้งทัพของสมเด็จพระนเรศวรฯ เมื่อตอนยกทัพมาตีเมืองเหนือ ท่านได้ทรงสร้างวัดแห่งนี้ไว้ และต่อมา ก็มีเหตุการณที่ทำให้มีผู้มีจิตศรัทธาได้มาทำการบูรณะศาสนสถานแห่งนี้ให้ดำรงอยู่

... รู้สึกดีจังเลยค่ะ ที่เราได้มาพบ"ช้างเผือก"เข้าโดยบังเอิญ ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า พวกเราอาจเคยมีความเกี่ยวข้องกันในอดีต จึงทำให้ได้กลับมากราบไหว้สักการะท่าน และร่วมทำบุญ ณ สถานที่แห่งนี้อีกก็ได้ ...
วัดเมืองกึ้ด วัดเก่าแก่



ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

16 พฤษภาคม 2556

Taberu Suki 'n Grill บุฟเฟต์สุกี้ ปิ้งย่าง จังหวัดเชียงใหม่


Taberu Suki 'n Grill บุฟเฟต์สุกี้ ปิ้งย่าง จังหวัดเชียงใหม่



Attached Image: IMG_8721.jpg

Attached Image: IMG_8705.jpg
บรรยากาศภายในร้าน ร้านอาหารเชียงใหม่

เปิดทุกวัน เวลา 18.00 - 23.00 น. (นั่งชิวได้ถึงเที่ยงคืน)
ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถ.ศิริธร ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300 โทร. 08-3300-7785
รายละเอียดร้าน
Taberu Suki 'n Grill เป็นร้านบุฟเฟต์สุกี้ ปิ้งย่าง มีทั้งหมู เนื้อ ไก่ ทะเล ไว้ให้บริการ
เราจะเน้นเรื่องความสด สะอาด ของวัตถุดิบ  เราใช้หมูปลอดสารเร่งเนื้อแดง
ไม่ใช้ผงชูรสและไม่ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ ผงฟู ในการหมักเนื้อสัตว์
เมนูแนะนำที่ไม่ควรพลาดดังนี้คะ
-สำหรับ ปิ้งย่าง-
1. หมูหมัก Red Label เป็นสูตรพิเศษของเรา จะทำให้หมูนุ่ม รสชาตืกลมกล่อมโดยไม่มีกลิ่นของเหล้าเจือปนออกมา
2. หมูต้มยำ เป็นการรวมสมุนไพรไทย ตระไคร้ ใบมะกรูด ปรุงรสเข้ากับเครื่องต้มยำ แล้วคลุกเคล้ากับเนื้อหมู
3. หมูสามชั้นสไลด์บางๆ ยาวๆ ราดซอสงา
4. เนื้อทาเบรุ สูตรพิเศษ
5. เบค่อนห่อเห็ดเข็มทอง
6. บาร์บีคิวหมู (ซอสสูตรพิเศษของทาเบรุ)
7. กุ้งเผาจิ้มน้ำจิ้มสามรส
8. ไก้ชีสคลุกเกล็ดขนมปังทอด
-สำหรับสุกี้-
1. หมูสไลด์ ชุบไข่ก่อนลงหม้อต้ม จะช่วยเพิ่มความหวานและความนุ่มให้เนื้อหมูคะ
2. เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนู เห็ดหิมะ และผักสดๆ
นอกจากนี้เรายังมีเมนูต่างๆ ให้ท่านสามารถเลือกที่จะปิ้งย่างบนเตาบาร์บีคิวไม่ว่าจะเป็น ปลาหมึก หมูนุ่ม ไก่ชีส ไก่ Hot & Spicy ไก่เทอริยากิ และเมนูที่เหมาะสำหรับทำสุกี้ อาทิเช่น ตับหมุ เซี้ยงจี้ ไส้อ่อน ปลานิล  ปูอัด เกี้ยวหมู เต้าหู้ปลา เต้าหู้ไข่ วุ้นเส้น บุกม้วน หมี่หยก  และอื่นๆ อีกมากมายที่จะสลับสับเปลี่ยนมาให้ลองสัมผัสรสชาติกันนะคะ
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้คะ เรายังมีหม้อทอด ไว้ให้ทุกท่านได้แสดงฝีมือการทอดเฟร้นฟรายและของทอดหลากหลายได้ด้วยตนเอง มีเครื่องทำน้ำแข็งไส ไว้ให้บริการ มาเที่ยวเชียงใหม่อย่าลืมแวะมาลองกันนะคะ


ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

15 พฤษภาคม 2556

WISH US LUCK ขอให้เราโชคดี ที่เมเจอร์เชียงใหม่


WISH US LUCK ขอให้เราโชคดี  ที่เมเจอร์เชียงใหม่



 ฉายที่จังหวัดเชียงใหม่...ชาวเชียงใหม่หรือท่านที่ไปท่องเที่ยวเชียงใหม่ ไปแวะชมกันด้วยนะครับ

ท่องไปในขบวนรถไฟสายภาพยนตร์กับ Wish Us Luck
หมุดหมายแรกๆ ของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ คือ ผลงานของพี่น้องลูมีแยร์ที่บันทึกภาพขบวนรถไฟขณะกำลังวิ่งเข้าจอดยังชานชาลา
ประสบการณ์ของคนดูหนังในยุคนั้น จึงได้แก่ การจ้องมองรถไฟกำลังวิ่งเข้าหาตนเองจากจอภาพยนตร์
เมื่อรถไฟถูกเราจ้องมอง ยานพาหนะประเภทนี้จึงมีสถานะเป็น ‘วัตถุ’ ที่แยกขาดออกจาก ‘ตัวเรา’ ทั้งในฐานะ ‘คนทำหนัง’ ซึ่งมองภาพรถไฟผ่านกล้องถ่ายภาพยนตร์ และ ‘คนดูหนัง’ ซึ่งนั่งมองภาพรถไฟวิ่งอยู่ในจอ
กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ชมหนังสารคดีเรื่อง Wish Us Luck หรือ ‘ขอให้เราโชคดี’ ฝีมือการกำกับของ วรรณแวว-แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์ พี่น้องฝาแฝดที่เคยสร้างผลงานน่าจดจำไว้หลายชิ้นในเวทีการประกวดภาพยนตร์สั้นของมูลนิธิหนังไทย
วรรณแวว-แวววรรณเดินทางไปศึกษาต่อที่อังกฤษและเลือกทำงานจบเป็นหนังสารคดีบันทึกการเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟจากลอนดอนมาถึงกทม. ภายในระยะเวลา 1 เดือน
โดยมีฝรั่งเศส, เยอรมนี, รัสเซีย, มองโกเลีย, จีน, เวียดนาม และลาว เป็นทางผ่าน
ทั้ง ‘รถไฟ’ และการทำงาน ‘ภาพเคลื่อนไหว’ ล้วนแสดงให้เห็นว่า Wish Us Luck ได้รับมรดกตกทอดมาจากภาพยนตร์ยุคแรกเริ่มแน่ๆ
แต่ภาพยนตร์ของวรรณแวว-แวววรรณก็มีจุดต่างจากผลงานของบรรพบุรุษอย่างสำคัญ
กล่าวคือ สองพี่น้องหงษ์วิวัฒน์ไม่ได้จัดวางตำแหน่งแห่งที่ของตนเองและคนดูให้เป็นฝ่ายจ้องมอง ‘รถไฟ’ ในฐานะวัตถุที่แยกขาดออกจากตัวพวกเขา/เธอ
ตรงกันข้าม คนทำหนังกลับร่วมเดินทางไกลไปกับขบวนรถไฟ ยานพาหนะชนิดนี้จึงค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับ ‘อัตวิสัย’ ของพวกเธอ ขณะที่คนดูหนังซึ่งเฝ้าชมการเดินทางของคู่แฝดอย่างใกล้ชิด ก็มิได้มองเห็นรถไฟเป็น ‘วัตถุวิสัย’ ที่ดำรงอยู่อย่างแปลกแยกหรือเหินห่างจากมนุษย์
หากพิจารณาในแง่ ‘ความเป็นภาพยนตร์’ สารคดีของวรรณแวว-แวววรรณก็มีความพยายามที่จะยั่วล้อกับ ‘บรรทัดฐานดั้งเดิมของความเป็นภาพยนตร์’ อยู่มากพอสมควร
ดังจะเห็นได้จากลูกเล่นหลายต่อหลายครั้งที่สองพี่น้องย้ำให้ผู้ชมตระหนักว่านี่เป็นหนังนะ นี่ถูกถ่ายทำขึ้นมานะ นี่เป็นเรื่อง ‘เฟค’ นะ ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่คนดูหนังเรื่อง Wish Us Luck กำลังจ้องมองอยู่จึงมิใช่ภาพเคลื่อนไหวที่จริงใจ ปราศจากการปรุงแต่ง และเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ดังที่ภาพยนตร์ของพี่น้องลูมีแยร์มักถูกเข้าใจเช่นนั้น
เมื่อพิจารณาในแง่ความเป็นหนังแนวโร้ดมูวีที่มักลงรอยกับโครงเรื่องว่าด้วย ‘พิธีกรรมการเปลี่ยนผ่าน’ หรือ การเติบโต-เรียนรู้ เพื่อก้าวข้ามเข้าสู่อีกช่วงวัยหนึ่ง
‘ขอให้เราโชคดี’ ก็ได้ผ่อนคลายตัวเองจากกรอบดังกล่าวอย่างชัดเจน แต่ใช่ว่าหนังสารคดีเรื่องนี้จะปราศจากเรื่องราวใดๆ เลย
เพราะหนังสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ของการได้พบเห็นในสิ่งที่บรรดานักเดินทางไกลไม่เคยคาดคิดว่าพวกตนจะมีโอกาสพบเจอ ออกมาได้อย่างสนุกสนานชวนติดตาม
(หนึ่งในช่วงที่ดีมากของหนังเรื่องนี้ คือเหตุการณ์ที่มีหนุ่มต่างชาติมาจีบหนึ่งในสองสาว)
ขณะเดียวกัน หนังก็สลัดตัวเองออกจากอารมณ์โรแมนติก เมื่อพี่น้องสองสาวไม่ได้พยายามฟูมฟายหรือทำความเข้าใจลึกซึ้งกับเมืองต่างๆ ที่พวกเธอเดินทางผ่านเพียงชั่วขณะสั้นๆ อย่างมากล้นเกินเลย
วรรณแวว-แวววรรณทำลายความฝันแสนหวานเกี่ยวกับหอไอเฟล, บันทึกแง่มุมที่ไม่จำเป็นต้องถูกจดจำของเบอร์ลิน และไม่ได้พยายามมีความสุขหรือเรียนรู้ไวยากรณ์ของเสียงแตรรถในฮานอย
แต่คู่แฝดนักทำหนังก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ลึกซึ้งกินใจออกมาในช่วงที่พวกเธอคุยโทรศัพท์ทางไกลกับคุณยาย และตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตยกับเพื่อนชาวจีนที่ปักกิ่งได้อย่างแหลมคม
‘Wish Us Luck – ขอให้เราโชคดี’ จึงเป็นบันทึกภาพเคลื่อนไหวของนักทำหนัง 2 คนที่เก็บเกี่ยวเรื่องราวรายทางได้อย่างมีสีสันและท้าทายขนบบางประการของโลกภาพยนตร์
เมื่อวรรณแวว-แวววรรณเดินทางกลับถึงบ้านเกิด หนังเรื่องนี้ก็จบตัวเองลงท่ามกลางความพร่าเลือน เช่นเดียวกับที่เราไม่อาจรู้ได้ว่าขบวนรถไฟของโลกภาพยนตร์จะเดินทางไปไหนอีกในอนาคต
ทว่าอย่างน้อย คนดูคงพอตระหนักได้ว่า ‘ขบวนรถไฟ’ สายนี้ เดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้นมากแล้ว

รอบฉาย Wish Us Luck ที่เมเจอร์เชียงใหม่

16 - 17 พค.  หนังฉายรอบ 20.00 น.
18 - 19 พค.  หนังฉายรอบ 15.00 น. และ 20.00 น.

พิเศษ! ขอเชิญพูดคุยกับผู้กำกับหลังหนังจบ ในวันที่ 18 พค. รอบ 15.00 น. และ 20.00 น.

ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/