28 พฤษภาคม 2556

เที่ยวเชียงใหม่ เที่ยวแม่ริม ชมดอกไม้สวย


เที่ยวเชียงใหม่ เที่ยวแม่ริม ชมดอกไม้สวย

แม่ริม อำเภออีกหนึ่งอำเภอที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียงงไม่ถึงสี่สิบนาทีจากตัวเมือง เราก็จะได้พบกับ สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่สวยงามและน่าสนใจมากมาย เริ่มจาก ม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม และดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิดให้เราได้ชมมากมายและด้วยการจัดตกแต่งที่ค่อยข้างจะครีเอทให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินเล่นอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้ ไม่ว่าจะหันไปมุมไหนก็ตาม ม่อนแจ่มจึงกลายเป็นสถานที่สุดแสนโรแมนติกอีกแห่งหนึ่ง ที่ไม่ควรพลาดและใ่ส่ไว้ในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว
ม่อนแจ่ม

ม่อนแจ่ม เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้ง หนองหอย อ.แม่ริม   มีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้าให้ได้ชม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ โดยรอบไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อก่อนพื้นที่ บริเวณนี้ เป็นป่ารกร้าง จนในท้ายที่สุดโครงการหลวงมาขอซื้อพื้นที่ เมื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลวง คุณแจ่ม-แจ่มจรัส สุชีวะ หลานของ ม.จ. ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงบริเวณม่อนแจ่มให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะในลักษณะ ของแค้มปิ้งรีสอร์ท  ที่พักเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ข้างบน คือ ม่อนแจ่ม แคมปิ้ง รีสอร์ท มีร้านอาหารเชียงใหม่ให้บริการ มีที่พักแบบเต้นท์พร้อมเครื่องนอน (ไม่อนุญาติให้นำเต้นท์ส่วนตัวมากางข้างบน) นอกจากนี้ก็จะมีที่พักของเอกชนต่างๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นไปม่อนแจ่ม ให้บริการอีกหลายแห่งแต่ไม่เยอะมาก
ม่อนแจ่ม

ม่อนแจ่ม มีเนื้อที่ไม่กว้างมาก จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โซนนั่งเล่น รับประทานอาหาร เป็นกระท่อมแนบชิดธรรมชาติ นั่งทานไปชมวิวภูเขาไป ชิวสุดๆ
ม่อนแจ่ม

ดอกไม้ที่เที่ยวเชียงใหม่ สวยงามจริงๆ

อำเภอแม่ริม ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ฟาร์มงูแม่สา  สวนกล้วยไม้และ ฟาร์มผีเสื้อ บ้านม้งแม่สาใหม่ จบทริปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอแม่ริม รู้สึกอิ่มใจและมีความสุขกับสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ของที่นี่ไม่น้อย แล้วอย่าลืมแวะมากันน่ะค่ะ




ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

23 พฤษภาคม 2556

ทริปที่เที่ยวเชียงใหม่ พิชิตดอยผ้าห่มปก



ทริปที่เที่ยวเชียงใหม่ พิชิตดอยผ้าห่มปก


              จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดท่องเที่ยวยอดฮิตมีสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่และดอยสวยมากมาย ที่สำคัญมีดอยที่สูงติดอันดับ 1-3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ด้วย อันดับ  1 ดอยอินทนนท์ อันดับ  2 ดอยผ้าห่มปก และอันดับ 3 ดอยหลวงเชียงดาว  สำหรับฉันอันดับ 1 ไปมาหลายครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา  อันดับ 3 เคยไปพิชิตความสูงมาแล้ว  อันดับ 2 ได้ยินชื่อมานานแต่ยังไม่เคยไปซักครั้ง  ประจวบเหมาะกับได้เห็นภาพดอยหนึ่งทางโลกออนไลน์และการบอกต่อจากคนรู้จักชื่อว่า ดอยม่อนล้าน  ซึ่งอาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่แต่เมื่อได้เห็นจากภาพทำให้ต้องรีบใส่ชื่อดอยนี้ในการเดินทางครั้งนี้ด้วย  ทริปที่ตั้งใจและรอคอยมานานจึงเกิดขึ้น ดอยผ้าห่มปก ดอยม่อนล้าน
             เดินทางมาถึงอำเภอฝางแต่เช้าตรู่  อากาศหนาวใช้ได้เลยทีเดียวแอบตกใจเล็กน้อยเพราะตลอดเวลาที่มาเที่ยวเหนือก่อนหน้านี้แทบไม่มีความหนาวแบบสุดขั้วเท่าไหร่  ฉันคิดในใจข้างล่างหนาวขนาดนี้บนยอดดอยจะหนาวขนาดไหน  หลังจากรับประทานข้าวเช้าในตัวอำเภอฝางเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก แวะไปเที่ยว บ่อน้ำพุร้อนฝาง ซึ่งตั้งอยู่ภายในตัวอุทยาน  หนาวๆแบบนี้ ได้ไออุ่นจากน้ำพุร้อนมากระทบร่างกายบ้างก็ช่วยให้อุ่นดีไม่น้อย

           น้ำพุร้อนในแต่ละบ่อ มีคุณสมบัติของแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย เช่น แคลเซียม โซเดียม ซัลเฟอร์ ที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคผิวหนัง และโรคไขข้ออักเสบได้ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีเมื่อนำมาอาบ  บ่อน้ำพุร้อนฝางก็ได้ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่ามีคุณสมบัติของแร่ธาตุดังกล่าว ที่สามารถนำมาอาบได้โดยปลอดภัย ทางอุทยานฯ ได้จัด ทำห้องอาบน้ำแร่ ห้องอบไอน้ำ และบ่อน้ำร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่ต้องการมาอาบน้ำพุร้อน  โดยมีให้เลือก 2 แบบ แบบแรก คือ บ่ออาบน้ำแร่กลางแจ้งไม่จำกัดเวลา ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท  โดยจะมีการปล่อยน้ำแร่ให้ไกลไปตามบ่อต่างๆ
            เดินชมบ่อน้ำพุร้อน ได้ซักพักใหญ่สายแล้วเริ่มรู้สึกร้อน  ออกจากตัวอุทยาน ฯ เพื่อไปยัง สวนส้มธนาธร  สวนส้มชื่อดังของอำเภอฝาง ผ่านไปผ่านมาหลายครั้งแต่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปชมบรรยากาศข้างในซักที ด้านหน้าสวนส้ม มีการตกแต่งสวน ประดับประดาด้วยดอกไม้และต้นไม้เมืองหนาวนา นา ชนิด การชมสวนส้มธนาธร จะมีรถรางใช้บริการนำชมแต่ละจุด ค่าบริการคนละ 30 บาท  นั่งรถชมวิวมองเห็นที่พักริมน้ำบรรยากาศดีมาก

              ต่อมา เดินทางกลับไปยังอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ที่เที่ยวเชียงใหม่เพื่อเปลี่ยนรถเป็นรถกระบะเพื่อขึ้นไปยังดอยผาห่มปก การขึ้นไปยอดดอย รถเก๋งและรถตู้ไม่สามารถขึ้นไปได้ค่ะ เพราะเส้นทางเป็นดินลูกรังเป็นหลุมบ่อและขันในบางช่วง ส่วนใหญ่จะจอดไว้ที่ทำการอุทยาน ฯ แล้วใช้บริการรถกระบะนำเที่ยวขึ้นดอยผ้าห่มปก  ราคา 1800-2200 บาท สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดรถเช่าได้ที่ โทร 085 447 5810
นั่งรถมาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงลานกางเต้นท์กิ่วลม ซึ่งเป็นลานกางเต้นท์ที่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นที่พักเพียงแห่งเดียวบน ดอยผ้าห่มปก ฉันจองเต้นท์ผ่านเว็บไซต์ของอุทยานไว้ล่วงหน้าเนื่องจากมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวเกรงว่าเต้นท์จะเต็ม แต่ถ้ามีเต้นท์ของตัวเองก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้  ที่นี่ไม่มีบ้านพัก และไม่มีอาหาร ต้องเตรียมมาเอง จะมีเพียงซุ้มเล็กขายมาม่า กาแฟโอวัลตินและน้ำร้อนของเจ้าหน้าที่เท่านั้น

ตื่นมาตั้งแต่ตีสามครึ่งล้างหน้าล้างตา เวลาที่เริ่มออกเดินทางประมาณตี 4 เพื่อให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้น การพิชิตยอดดอยผ้าห่มปกต้องเดินเท้าจากลานกางเต้นท์ไปอีก 3.5 ก.ม. รวมระยะทางไปกลับก็ประมาณ 7 กิโล ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง  การขึ้นไปยอดดอยจะต้องแจ้งทางอุทยานฯ  โดยจะจัดคนนำทางให้ 1 คน /กลุ่ม (กลุ่มหนึ่งไม่เกิน 10 คน)  นักท่องเที่ยวไม่ควรขึ้นไปเองค่อนข้างเสี่ยงต่อการหลงทาง เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างมืดและชันควรพกไฟฉายไปด้วย ส่วนรองเท้าก็ให้พร้อมจะเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าแบบสายรัดเท้าก็ได้   เส้นทางในช่วงแรกถ่ายภาพมาให้ชมตอนขากลับซึ่งสว่างแล้ว  ม่อนวัดใจ จุดนี้พวกเราเรียกว่า จุดหักเหของชีวิตว่าจะไปต่อหรือเดินกลับ เพราะม่อนนี้สมชื่อม่อนวัดใจจ ด้วยเส้นทางชันและแคบมาก ยิ่งเดินในอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บตอนตี 4 อาจทำให้ถอดใจกลับได้ง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่จะนึกว่าถ้าเส้นทางเป็นแบบนี้จนถึงยอดคงไปต่อไม่ไหวแน่ๆ คณะของฉันขึ้นกันมา 7 คน ถอดใจกลับกลางทางตรงม่อนวัดใจ 2 คน  ตัวฉันเองก็เกือบจะกลับไปด้วยเพราะไม่ได้มีการเตรียมตัวและเตรียมใจมาก่อนว่าต้องมาเดินขนาดนี้ แต่เมื่อมาถึงแล้วด้วยหน้าที่เราต้องเดินต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย
ขึ้นมาถึงยอดดอยผ้าห่มปกจนได้ มาพบกับพระอาทิตย์ท่ามกลางฟ้าสีฟ้าเข้มสวยงาม เสียงบ่น ความเหนื่อย และความหนาว เริ่มหายไป  การเดินทางของฉันถึงแม้จะได้เห็นภาพแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นก็ยังคงตื่นเต้นและไม่รู้สึกเบีอที่จะมองและเก็บภาพความประทับใจในช่วงวินาทีนั้นกลับมา

เกือบ 8 โมงกว่าได้เวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับ  ทิ้งไว้เพียงรอยเท้า เก็บบันทึกไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งพวกเราเคย ออกเดินทางฝ่าความเหน็บหนาวตอนตี 4 ด้วยกัน เพื่อพิชิตยอดดอยที่สูงอันดับ 2 ของ ประเทศไทย ดอยผ้าห่มปก

22 พฤษภาคม 2556

ทำบุญไหว้พระเก้าวัด ที่วัดในจังหวัดเชียงใหม่


ทำบุญไหว้พระเก้าวัด จิตใจผ่องใส ที่วัดในจังหวัดเชียงใหม่


แผนที่ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
เชียงใหม่มีวัดวาอารามที่สวยงามสไตล์ล้านนา ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย มาถึงเชียงใหม่แล้ว ลองหาเวลา 1 วัน ไหว้พระให้ครบ 9 วัด เพื่อขอพรและความเป็นสิริมงคลกับชีวิต ในแต่ละวัดที่มีชื่อเสียงในเมืองเชียงใหม่อย่างเช่น วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง วัดเชียงมั่น และวัดที่มีชื่อเป็นสิริมงคล อย่างเช่น วัดดวงดี วัดหมื่นล้าน วัดดับภัย เป็นต้น ซึ่งในแต่ละวัดก็จะอยู่ในละแวกเดียวกัน ไม่ไกลกันมากนัก
ไปตามเส้นทางในเมืองเชียงใหม่วัดแรกที่เราจะเริ่มไปขอพรกัน คือ วัดเชียงมั่น ตั้งอยู่ถนนราชภาคิไนยเพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จและความมั่นคงของชีวิต  วัดเชียงมั่นในอดีตคือวัด คู่พระบารมีของพระนางเจ้าจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย และพญาเมงราย ปฐมกษัตริย์แห่งล้านนา  มาถึงแล้วอย่าลืมสักการะพระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ภายในโบสถ์ด้วยค่ะฃไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
นั่งรถต่อมายังวัดที่สอง  ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน วัดดวงดี ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกกลางเวียงใกล้อนุสาวรีย์สามกษัตริย์  มาไหว้แล้วขอพรให้ดวงดีตลอดปีเหมือนกับชื่อวัดค่ะ วัดดวงดีเป็นวัดที่มีศิลปะหลายๆอย่างให้ดูให้ศึกษาเป็นวัดที่มีศิลปะที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของนครเชียงใหม่
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
จากวัดดวงดี เลี้ยงซ้ายตรงมาเพียงนิดเดียวมาถึงวัดที่ 3 วัดวัดเจดีย์หลวง เป็นวัดที่งดงามอีกวัดหนึ่งของ และเป็นอีก 1 สถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่โดดเด่นคงเป็นพระเจดีย์หลวงเจดีย์อิฐโบราณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่  หน้าประตูวิหารมีบันไดนาคเลื้อยลงมาใช้หางกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตู ถือว่าเป็นนาคที่งามที่สุดของภาคเหนือ  นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญให้กราบไหว้บูชามากมาย ทั้งพระประธานในพระวิหารหลวง พระนอนซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังเจดีย์ เสาอินทขิล หรือเสาหลักเมืองตั้งอยู่กลางวิหารจตุรมุขศิลปะแบบล้านนาประยุกต์
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
และก็มาถึงวัดที่ 4 วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดเก่าแก่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาช้านานมาวัดนี้เพื่อมากราบไหว้ขอพร พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเชียงใหม่   ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ วิหารทรงพื้นเมืองล้านนา  วัดพระสิงห์มีพระอุโบสถและสถาปัตยกรรมพื้นเมืองล้านนาที่มีลวดลายแกะสลัก สวยงาม โดยเฉพาะพระเจดีย์ทรงปราสาท
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่

จากวัดพระสิงห์ตรงสามแยกเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะถึง วัดที่ 5  วัดชัยพระเกียรติ เที่ยวเชียงใหม่ ทำบุญวัดนี้เพื่อเสริมสร้างเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ให้มีแก่ตัวตนของเรา ต่อจากนั้นให้เพิ่มความสมบูรณ์พูนสุข

ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
นั่งรถย้อนกลับมาเส้นทางเดิมผ่านวัดพระสิงห์เลี้ยวขวาแล้วตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นป้าย วัดหมื่นเงินกอง วัดที่ 6 เป็นวัดที่มีชื่อมงคลซึ่งเหมาะกับการมาไหว้ขอพรทำบุญให้ตนเองได้มั่งมีศรีสุข  มีเงินมีทอง อายุมั่น ขวัญยืน  ที่สำคัญอย่าลืมไปไหว้พระธาตุหมื่นเงินกอง  เพื่อทำบุญใส่บาตรพระธาตุประจำปีเกิด โดยมีพระธาตุจำลององค์เล็ก อยู่ริมรั้วของพระธาตุ ด้วยค่ะ
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
จากวัดหมื่นเงินกอง มายังวัดที่มีชื่อที่เป็นสิริมงคลอีกหนึ่งวัด คือ  วัดดับภัย วัดที่ 7 ของเรา เพื่อมาไหว้ขอพรหลวงพ่อ ดับภัยเมื่อมาที่เที่ยวเชียงใหม่ ซึ่งมีตำนานเล่าลือถึงถึงการดับเภทภัยให้กับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการป่วยไข้ หรือการดับเคราะห์ดวงชะตา ในวัดมีบ่อน้ำที่เรียกว่าบ่อน้ำดับภัย เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ นำไปสรงน้ำพระพุทธมนต์หรือเพื่อสืบดวงชะตาได้
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
บ่ายแก่ๆ มาถึงวัดที่ 8  วัดหมื่นล้าน ซึ่งตั้งอยู่ตรงถนนราชดำเนิน บริเวณ ถนนคนเดินท่าแพ ซึ่งเป็นถนนคนเดินวันอาทิตย์  มาขอพระไหว้นี้จะได้ร่ำรวยมีเงินทองป็นหมื่นล้านเหมือนชื่อวัด
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่
และมาถึงวัดสุดท้าย วัดพันอ้น ตั้งอยู่ใกล้กับวัดหมื่นล้าน เดินมาเพียงนิดเดียว ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมาที่วัดนี้แต่ก่อนถึงวัดหมื่นกอง นั่งรถผ่าน เห็นเจดีย์สีทองเหลืองอาร่าม สะดุดตา จึงตั้งใจจะไปไหว้ขอพรพระเจดีย์สีทอง ซึ่ง มีชื่อว่า พระเจดีย์สารีริกธาตุสิริลักษณ์  ภายในบรรจุพระบรมสารีริธาตุ นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธมงคลมหามุณี พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันธาตุ เรียกว่ามาวัดเดียวได้ไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่างเลยทีเดียว
ไหว้พระ 9 วัด เชียงใหม่

คลิปวิดิโอ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เที่ยวเชียงใหม่






ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

21 พฤษภาคม 2556

สัมผัสธรรมชาติ ท่องเที่ยวอุ่นใจที่แม่กลางหลวง ท่องเที่ยวเชียงใหม่


สัมผัสธรรมชาติที่ แม่กลางหลวง ท่องเที่ยวเชียงใหม่


วันนี้จะพาไปชมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ยิ่งเข้าฤดูท่องเที่ยวนาข้าวขั้นบันได นักท่องเที่ยวต่างมุ่งหน้าไปที่นั่นถ้าเอ่ยชื่อคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แม่กลางหลวง จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ที่สวยงาม และสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อบอุ่น

แม่กลางหลวง
ฉันมาที่นี่เกือบทุกปี ไม่มุ่งหน้ามาโดยตรงก็แวะเข้ามาชมบรรยากาศ แม่กลางหลวง ที่เที่ยวเชียงใหม่ในวันนี้คงไม่ต้องอธิบายมากว่ามีอะไร แน่นอนมาที่นี่ต้องมาชมบรรยากาศของนาข้าวขั้นบันไดเที่ยวเชียงใหม่ สัมผัสความบริสุทธิ์ของธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้าน ซึ่งหลายคนอาจโหยหาและหาไม่ได้จากความเป็นเมือง ถึงแม้ว่าการกลับมาอีกครั้งจะเห็นความเปลี่ยนไปมากในเวลาอันรวดเร็ว มีร้านค้าที่พักเพิ่มขึ้น แต่สำหรับฉันแม่กลางหลวงยังมีความเป็นธรรมชาติ ผู้คนใจดีอบอุ่นเช่นเคย โดยปกติฉันจะพักกระท่อมปลายนาด้านล่าง ซึ่งเจ้าของที่พักคือ พี่สมศักดิ์ผู้บุกเบิกแม่กลางหลวงจนเป็นที่รู้จัก แต่ครั้งนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาพักอีกแห่งหนึ่ง เพราะเห็นว่าวิวสวยดีสามารถมองเห็นนาข้าวขั้นบันไดได้ในมุมสูงที่พักชื่อ แม่กลางหลวงวิว

แม่กลางหลวง

กาแฟสดที่ถูกบดออกมาเป็นผงจากเครื่อง  ด้วยความที่เป็นคนไม่กินกาแฟเลยไม่รู้ว่าแบบไหนที่เรียกวาหอมอร่อย ได้ยินแต่พี่ที่มาด้วยบอกว่า กาแฟที่นี่หอมดี เป็นกาแฟพันธุ์อาราบิก้าชั้นดี
แค่เราก้าวเข้ามาในร้านปุ๊บ พี่สมศักดิ์ก็จะรีบรินกาแฟใส่แก้วให้เราชิมฟรี พี่สมศักดิ์เล่นมุขว่า กาแฟของแกเป็นกาแฟมือถือค่ายไหนก็กินได้ ฉันแอบงงเล็กน้อยมือถือและค่ายไหนเกี่ยวอะไรกับกาแฟ สุดท้ายเฉลยว่า “ หมายถึงถ้าซื้อกาแฟจะแถมถุงชงโดยใช้มือถือถุงจากนั้นใส่กาแฟชงเองได้ทุกคน ไม่ต้องมีเครื่องบดแค่มีน้ำร้อนก็กินกาแฟของแกได้แล้ว ว่าแล้วมือก็หยิบถุงชงกาแฟให้เราดูน่ารักเลยทีเดียว เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชม

แม่กลางหลวง


ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

20 พฤษภาคม 2556

ปางช้าง-ท่าแพแม่ตะมาน ที่เที่ยวเชียงใหม่


ปางช้าง-ท่าแพแม่ตะมาน ที่เที่ยวเชียงใหม่ 

ปางช้าง-ท่าแพแม่ตะมาน เปิดบริการทุกวัน มีการแสดงของช้างแสนรู้ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 9.30 น. มีบริการนั่งช้างชมธรรมชาติ - นั่งเกวียน - ชมหมู่บ้านชาวเขา
ทานอาหารในบรรยากาศริมแม่น้ำ หรือล่องแพไม้ไผ่ไปตามลำน้ำแม่แตง

บรรยากาศปางช้าง ท่องเที่ยวเชียงใหม่


ช้างจะพาเดินไปตามทางในหมู่บ้านไปจนถึงทะลุทุ่งนาด้านหลัง ชมวิว ชมวิถีชีวิตชาวบ้านแถวๆนั้นไปตามทาง

ต้องเตรียมเงินแบ๊งค์ย่อยๆ ติดตัวไปคอยซื้อกล้วย/อ้อยเลี้ยงช้าง ที่ชาวบ้านเขามาปลูกร้านไว้ดักเราระหว่างทางเป็นระยะ ๆค่ะ ....ไม่ซื้อก็ไม่ได้ เพราะช้างมันจะไม่ยอมเดิน มันอยากกิน....

แล้วเขาจะพาเรามานั่งเกวียนต่อไปเพื่อกลับไปยังปางช้าง เข้ารับประทานอาหารกลางวันที่เขาจัดไว้เป็นบุฟเฟ่ต์ ...อาหารที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ เป็นอาหาไทยง่ายๆ ส่วนเครื่องดื่มต้องซื้อเพิ่มเติม
ค่ะ อิ่มดี พร้อมแล้ว ลงแพไม้ไผ่ล่องไปตามลำน้ำ ใครมีร่มก็ควรเอาติดตัวไปนะคะ เพราะแดดร้อน แต่เขาจะมีหมวกให้ยืมใส่ ... พอขึ้นจากแพก็จะมีรถมารับพวกเรากลับไปที่ปางช้างค่ะ
เส้นทางนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆให้สนุกสนานกันได้อีก เช่น กิจกรรมห้อยโหนไปตามยอดไม้ ขับรถวิบากATV หรือล่องแก่งน้ำเชี่ยวด้วยแพยาง พวกเรายังติดใจไม่กลับ ขับรถลึกเข้าไปตามถนน จะดูหน่อยซิว่ายังมีอะไรอีก
....ทำให้เรามาพบกับวัดเล็กๆที่เก่าแก่วัดหนึ่ง ชื่อวัดเมืองกึ้ด เนื่องจากขณะที่ขับรถมาตามทาง สามารถมองเห็นยอดเจดีย์สีทองเป็นสง่าอยู่บนเขาตามคำบอกเล่าจากท่านเจ้าอาวาสและป้ายอธิบายความเป็นมา พบว่าวัดนี้ เคยเป็นบริเวณที่ตั้งทัพของสมเด็จพระนเรศวรฯ เมื่อตอนยกทัพมาตีเมืองเหนือ ท่านได้ทรงสร้างวัดแห่งนี้ไว้ และต่อมา ก็มีเหตุการณที่ทำให้มีผู้มีจิตศรัทธาได้มาทำการบูรณะศาสนสถานแห่งนี้ให้ดำรงอยู่

... รู้สึกดีจังเลยค่ะ ที่เราได้มาพบ"ช้างเผือก"เข้าโดยบังเอิญ ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า พวกเราอาจเคยมีความเกี่ยวข้องกันในอดีต จึงทำให้ได้กลับมากราบไหว้สักการะท่าน และร่วมทำบุญ ณ สถานที่แห่งนี้อีกก็ได้ ...
วัดเมืองกึ้ด วัดเก่าแก่



ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

16 พฤษภาคม 2556

Taberu Suki 'n Grill บุฟเฟต์สุกี้ ปิ้งย่าง จังหวัดเชียงใหม่


Taberu Suki 'n Grill บุฟเฟต์สุกี้ ปิ้งย่าง จังหวัดเชียงใหม่



Attached Image: IMG_8721.jpg

Attached Image: IMG_8705.jpg
บรรยากาศภายในร้าน ร้านอาหารเชียงใหม่

เปิดทุกวัน เวลา 18.00 - 23.00 น. (นั่งชิวได้ถึงเที่ยงคืน)
ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถ.ศิริธร ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300 โทร. 08-3300-7785
รายละเอียดร้าน
Taberu Suki 'n Grill เป็นร้านบุฟเฟต์สุกี้ ปิ้งย่าง มีทั้งหมู เนื้อ ไก่ ทะเล ไว้ให้บริการ
เราจะเน้นเรื่องความสด สะอาด ของวัตถุดิบ  เราใช้หมูปลอดสารเร่งเนื้อแดง
ไม่ใช้ผงชูรสและไม่ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ ผงฟู ในการหมักเนื้อสัตว์
เมนูแนะนำที่ไม่ควรพลาดดังนี้คะ
-สำหรับ ปิ้งย่าง-
1. หมูหมัก Red Label เป็นสูตรพิเศษของเรา จะทำให้หมูนุ่ม รสชาตืกลมกล่อมโดยไม่มีกลิ่นของเหล้าเจือปนออกมา
2. หมูต้มยำ เป็นการรวมสมุนไพรไทย ตระไคร้ ใบมะกรูด ปรุงรสเข้ากับเครื่องต้มยำ แล้วคลุกเคล้ากับเนื้อหมู
3. หมูสามชั้นสไลด์บางๆ ยาวๆ ราดซอสงา
4. เนื้อทาเบรุ สูตรพิเศษ
5. เบค่อนห่อเห็ดเข็มทอง
6. บาร์บีคิวหมู (ซอสสูตรพิเศษของทาเบรุ)
7. กุ้งเผาจิ้มน้ำจิ้มสามรส
8. ไก้ชีสคลุกเกล็ดขนมปังทอด
-สำหรับสุกี้-
1. หมูสไลด์ ชุบไข่ก่อนลงหม้อต้ม จะช่วยเพิ่มความหวานและความนุ่มให้เนื้อหมูคะ
2. เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนู เห็ดหิมะ และผักสดๆ
นอกจากนี้เรายังมีเมนูต่างๆ ให้ท่านสามารถเลือกที่จะปิ้งย่างบนเตาบาร์บีคิวไม่ว่าจะเป็น ปลาหมึก หมูนุ่ม ไก่ชีส ไก่ Hot & Spicy ไก่เทอริยากิ และเมนูที่เหมาะสำหรับทำสุกี้ อาทิเช่น ตับหมุ เซี้ยงจี้ ไส้อ่อน ปลานิล  ปูอัด เกี้ยวหมู เต้าหู้ปลา เต้าหู้ไข่ วุ้นเส้น บุกม้วน หมี่หยก  และอื่นๆ อีกมากมายที่จะสลับสับเปลี่ยนมาให้ลองสัมผัสรสชาติกันนะคะ
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้คะ เรายังมีหม้อทอด ไว้ให้ทุกท่านได้แสดงฝีมือการทอดเฟร้นฟรายและของทอดหลากหลายได้ด้วยตนเอง มีเครื่องทำน้ำแข็งไส ไว้ให้บริการ มาเที่ยวเชียงใหม่อย่าลืมแวะมาลองกันนะคะ


ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

15 พฤษภาคม 2556

WISH US LUCK ขอให้เราโชคดี ที่เมเจอร์เชียงใหม่


WISH US LUCK ขอให้เราโชคดี  ที่เมเจอร์เชียงใหม่



 ฉายที่จังหวัดเชียงใหม่...ชาวเชียงใหม่หรือท่านที่ไปท่องเที่ยวเชียงใหม่ ไปแวะชมกันด้วยนะครับ

ท่องไปในขบวนรถไฟสายภาพยนตร์กับ Wish Us Luck
หมุดหมายแรกๆ ของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ คือ ผลงานของพี่น้องลูมีแยร์ที่บันทึกภาพขบวนรถไฟขณะกำลังวิ่งเข้าจอดยังชานชาลา
ประสบการณ์ของคนดูหนังในยุคนั้น จึงได้แก่ การจ้องมองรถไฟกำลังวิ่งเข้าหาตนเองจากจอภาพยนตร์
เมื่อรถไฟถูกเราจ้องมอง ยานพาหนะประเภทนี้จึงมีสถานะเป็น ‘วัตถุ’ ที่แยกขาดออกจาก ‘ตัวเรา’ ทั้งในฐานะ ‘คนทำหนัง’ ซึ่งมองภาพรถไฟผ่านกล้องถ่ายภาพยนตร์ และ ‘คนดูหนัง’ ซึ่งนั่งมองภาพรถไฟวิ่งอยู่ในจอ
กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ชมหนังสารคดีเรื่อง Wish Us Luck หรือ ‘ขอให้เราโชคดี’ ฝีมือการกำกับของ วรรณแวว-แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์ พี่น้องฝาแฝดที่เคยสร้างผลงานน่าจดจำไว้หลายชิ้นในเวทีการประกวดภาพยนตร์สั้นของมูลนิธิหนังไทย
วรรณแวว-แวววรรณเดินทางไปศึกษาต่อที่อังกฤษและเลือกทำงานจบเป็นหนังสารคดีบันทึกการเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟจากลอนดอนมาถึงกทม. ภายในระยะเวลา 1 เดือน
โดยมีฝรั่งเศส, เยอรมนี, รัสเซีย, มองโกเลีย, จีน, เวียดนาม และลาว เป็นทางผ่าน
ทั้ง ‘รถไฟ’ และการทำงาน ‘ภาพเคลื่อนไหว’ ล้วนแสดงให้เห็นว่า Wish Us Luck ได้รับมรดกตกทอดมาจากภาพยนตร์ยุคแรกเริ่มแน่ๆ
แต่ภาพยนตร์ของวรรณแวว-แวววรรณก็มีจุดต่างจากผลงานของบรรพบุรุษอย่างสำคัญ
กล่าวคือ สองพี่น้องหงษ์วิวัฒน์ไม่ได้จัดวางตำแหน่งแห่งที่ของตนเองและคนดูให้เป็นฝ่ายจ้องมอง ‘รถไฟ’ ในฐานะวัตถุที่แยกขาดออกจากตัวพวกเขา/เธอ
ตรงกันข้าม คนทำหนังกลับร่วมเดินทางไกลไปกับขบวนรถไฟ ยานพาหนะชนิดนี้จึงค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับ ‘อัตวิสัย’ ของพวกเธอ ขณะที่คนดูหนังซึ่งเฝ้าชมการเดินทางของคู่แฝดอย่างใกล้ชิด ก็มิได้มองเห็นรถไฟเป็น ‘วัตถุวิสัย’ ที่ดำรงอยู่อย่างแปลกแยกหรือเหินห่างจากมนุษย์
หากพิจารณาในแง่ ‘ความเป็นภาพยนตร์’ สารคดีของวรรณแวว-แวววรรณก็มีความพยายามที่จะยั่วล้อกับ ‘บรรทัดฐานดั้งเดิมของความเป็นภาพยนตร์’ อยู่มากพอสมควร
ดังจะเห็นได้จากลูกเล่นหลายต่อหลายครั้งที่สองพี่น้องย้ำให้ผู้ชมตระหนักว่านี่เป็นหนังนะ นี่ถูกถ่ายทำขึ้นมานะ นี่เป็นเรื่อง ‘เฟค’ นะ ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่คนดูหนังเรื่อง Wish Us Luck กำลังจ้องมองอยู่จึงมิใช่ภาพเคลื่อนไหวที่จริงใจ ปราศจากการปรุงแต่ง และเป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ดังที่ภาพยนตร์ของพี่น้องลูมีแยร์มักถูกเข้าใจเช่นนั้น
เมื่อพิจารณาในแง่ความเป็นหนังแนวโร้ดมูวีที่มักลงรอยกับโครงเรื่องว่าด้วย ‘พิธีกรรมการเปลี่ยนผ่าน’ หรือ การเติบโต-เรียนรู้ เพื่อก้าวข้ามเข้าสู่อีกช่วงวัยหนึ่ง
‘ขอให้เราโชคดี’ ก็ได้ผ่อนคลายตัวเองจากกรอบดังกล่าวอย่างชัดเจน แต่ใช่ว่าหนังสารคดีเรื่องนี้จะปราศจากเรื่องราวใดๆ เลย
เพราะหนังสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ของการได้พบเห็นในสิ่งที่บรรดานักเดินทางไกลไม่เคยคาดคิดว่าพวกตนจะมีโอกาสพบเจอ ออกมาได้อย่างสนุกสนานชวนติดตาม
(หนึ่งในช่วงที่ดีมากของหนังเรื่องนี้ คือเหตุการณ์ที่มีหนุ่มต่างชาติมาจีบหนึ่งในสองสาว)
ขณะเดียวกัน หนังก็สลัดตัวเองออกจากอารมณ์โรแมนติก เมื่อพี่น้องสองสาวไม่ได้พยายามฟูมฟายหรือทำความเข้าใจลึกซึ้งกับเมืองต่างๆ ที่พวกเธอเดินทางผ่านเพียงชั่วขณะสั้นๆ อย่างมากล้นเกินเลย
วรรณแวว-แวววรรณทำลายความฝันแสนหวานเกี่ยวกับหอไอเฟล, บันทึกแง่มุมที่ไม่จำเป็นต้องถูกจดจำของเบอร์ลิน และไม่ได้พยายามมีความสุขหรือเรียนรู้ไวยากรณ์ของเสียงแตรรถในฮานอย
แต่คู่แฝดนักทำหนังก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ลึกซึ้งกินใจออกมาในช่วงที่พวกเธอคุยโทรศัพท์ทางไกลกับคุณยาย และตั้งคำถามเรื่องประชาธิปไตยกับเพื่อนชาวจีนที่ปักกิ่งได้อย่างแหลมคม
‘Wish Us Luck – ขอให้เราโชคดี’ จึงเป็นบันทึกภาพเคลื่อนไหวของนักทำหนัง 2 คนที่เก็บเกี่ยวเรื่องราวรายทางได้อย่างมีสีสันและท้าทายขนบบางประการของโลกภาพยนตร์
เมื่อวรรณแวว-แวววรรณเดินทางกลับถึงบ้านเกิด หนังเรื่องนี้ก็จบตัวเองลงท่ามกลางความพร่าเลือน เช่นเดียวกับที่เราไม่อาจรู้ได้ว่าขบวนรถไฟของโลกภาพยนตร์จะเดินทางไปไหนอีกในอนาคต
ทว่าอย่างน้อย คนดูคงพอตระหนักได้ว่า ‘ขบวนรถไฟ’ สายนี้ เดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้นมากแล้ว

รอบฉาย Wish Us Luck ที่เมเจอร์เชียงใหม่

16 - 17 พค.  หนังฉายรอบ 20.00 น.
18 - 19 พค.  หนังฉายรอบ 15.00 น. และ 20.00 น.

พิเศษ! ขอเชิญพูดคุยกับผู้กำกับหลังหนังจบ ในวันที่ 18 พค. รอบ 15.00 น. และ 20.00 น.

ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

14 พฤษภาคม 2556

ตำแหล สาขาจังหวัดเชียงใหม่


ตำแหล สาขาจังหวัดเชียงใหม่



สารพัดเมนูตำรสแซบเวอร์ ที่ “เซ็นทรัลแอร์พอร์ต”
ถือเป็นแหล่งรวมความอร่อยอีกแห่งหนึ่ง สำหรับทุกท่านที่มาเที่ยวเชียงใหม่“ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต” ซึ่งที่นี่มีความอร่อยให้สัมผัสกันหลากหลายมากแนว ตั้งแต่อาหารพื้นเมืองเรื่อยไปจนถึงอาหารจากต่างประเทศ
และวันนี้ เซ็นทรัลฯแอร์พอร์ต ขอนำเสนอร้านอาหารของคนรักความแซบ กับ “ตำแหล” โดย เอ ศุภชัย เอ – ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดการดารามือทองทั้ง อั้ม – พัชราภา , เคน – ภูภูมิ และอีกหลายต่อหลายคน แบ่งคิวดาราหันมาเปิด “ตำแหล” อีกหนึ่งสาขา ณ ชั้น 4 โซนลิฟท์แก้ว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต
ซึ่งที่นี่มีเมนูรสแซบมานำเสนอมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ซุปตาร์ทอด” หมู-เนื้อแดดเดียวทอด ที่มากับสมุนไพรทอดมากมาย , “ปีกไก่ทอดน้ำปลา” ปีกไก่คุณภาพดี ทอดออกมาในแบบฉบับกรอบนอกนุ่มใน , “ตำผลไม้รวม” เมนูรสแซบที่มาพร้อมกับผลไม้มากมายหลากหลายชนิด , “ตำแหล” เมนูประจำร้าน ที่คุณเอรังสรรค์ขึ้นมาเอง กับส้มตำแปลกใหม่ที่มีส่วนผสมของหอย ปลากรอบ หมูยอ เส้นขนมจีน(วุ้นเส้น) ถั่วฟักยาว ถั่วงอก และกากหมู เป็นต้น , “ตำปูม้ากุ้งสด” ส้มตำที่เอาใจคนรักอาหารทะเลกับปูม้าสดๆ และกุ้งสดๆตัวโต , “ไก่อบโอ่ง” ไก่เนื้อนุ่ม หนังเกรียมกำลังดี รสกลมกล่อม ทานกับน้ำจิ้มแจ่ว และทั้งคอหมูอบโอ่ง , ตำโคราช , ปลาทอดกระเทียม , ยำแซบมินิ และตำกระเทย (ใส่ไข่ดาว) เป็นต้น
โดยเมนูทั้งหมดทั้งมวลนี้ คุณเอ ใส่ใจในทุกขบวนการ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบเกรดเอ ขั้นตอนการปรุง และใส่จานเสิร์ฟ ซึ่งท่านใดสนใจก็แวะมากันได้ทุกวัน ในเวลาเปิด-ปิดห้าง

น่ารับประทานมาก!! 

ไก่ย่างจานเด็ด!



ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่


เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่

ยีราฟออกมารับอาหาร

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่เที่ยวเชียงใหม่ ดำเนินการภายใต้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน )ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ในพื้นที่ตำบลแม่เหียะ  ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 10 กิโลเมตร
ส่วนแสดงสัตว์ในโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ประกอบด้วย
-Jaguar Trail นักท่องเที่ยวสามารถเดินพักผ่อนได้ตามอัธยาศัยรอบทะเลสาบ (Swan Lake) ระยะทาง 1.2 กม. โดยมีจุดเริ่มต้นจากอาคารลานนาวิลเลจด้านร้านอาหาร และสิ้นสุดที่ทางออกใกล้เรือนวารีกุญชร ตลอดระยะทางจะพบกับสัตว์ป่ามากกว่า 400 ตัว หรือ 50 ชนิด อาทิเช่น เสือขาว เสือจากัวร์ หนูยักษ์คาปิลาลา เสือลายเมฆ สมเสร็จบราซิล ม้าแคระ ฮิปโปแคระ ลิงอุรังอุตัง เสือดำ ลิงกระรอก หมีโคอาล่า แมวดาว นกกระเรียนหงอนพู่ นากใหญ่ขนเรียบ ลามา นกคลาสโซโนวี่ เสือปลา ฯลฯ
-Predator Prowl ส่วนแสดงสัตว์ป่าประเภทสัตว์กินเนื้อ ประมาณ 200 ตัว นักท่องเที่ยวจะสัมผัสความตื้นเต้นกับสัตว์นักล่าที่มึความดุร้ายโดยรถ Tram ขนาด 60 ที่นั่ง ตามระยะทาง 2.13 กม. อาทิเช่น เสือโคร่งขาว เสือโคร่งอินโดจีน เสือโคร่งเบงกอล สิงโต หมาป่าแอฟริกา หมีควาย หมีหมา กวางเจมส์บ็อค กวางไนยาร่า กวางขาวสปริงบ็อค กวางดำสปริงบ็อค หมาจิ้งจอก อูฐสองโหนก ฯลฯ
-Savanna Safari ส่วนแสดงสัตว์ป่าประเภทสัตว์กีบและสัตว์กินพืชที่มีถิ่นอาศัยในแถบทุ่งหญ้าซาวันนา ประมาณ 320 ตัว นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสสัตว์อย่างใกล้ชิด โดยรถ Tram ขนาด 60 ที่นั่ง ตามระยะทาง 2.43 กม. อาทิเช่น เลียงผา กวางผา กระทิง แรดขาว ไฮยีน่า เสือชีต้า วีลด์เดอบีส ยีราฟ จามรี ละอง ละมั่ง กวางกาเซลล์ หมูป่า กวางบาราสิงกา ฯลฯ โดยระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะพบกับสถาปัตยกรรมจำลองเวียงกุมกาม ซึ่งสะท้อนถึงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่
-และในพื้นที่บริการจะเป็นหมู่บ้านล้านนา ซึ่งเป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมก่อสร้างที่ผสมผสานระหว่างรูปแบบแอฟริกาและไทยลานนา ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์อาหาร ศูนย์รวมสินค้า OTOP ของที่ระลึก และเป็นถานีรับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปยังส่วนแสดงสัตว์ และด้านข้างอาคารยังมีลานน้ำพุดนตรี (Fun Plaza) สำหรับเด็กๆ ได้เล่นน้ำขณะรอขึ้นรถ

ภาพบรรยากาศภายนอก ที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่

เมื่อถึงยามพักผ่อนของคุณ หากอยากสัมผัสบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติใกล้เมือง แนะนำให้แวะมากันได้ ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งที่นี่…คุณสามารถเที่ยวได้สนุกทุกโมงยาม…และทุกเพศทุกวัยเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมสัตว์ยามราตรี ทั้งนั่งรถและเดินเที่ยว และนอกจากที่นี่จะขึ้นชื่อในเรื่องนี้แล้ว ยังมีสิ่งดีๆให้ทุกท่านได้สัมผัสกันอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นความอร่อยจากอาหารการกิน ณ ห้องอาหารยีราฟ ที่มีให้อิ่มอร่อยทั้งในแบบฉบับบุฟเฟ่ต์และอาหารตามสั่ง พร้อมทั้งเครื่องดื่มอีกมากมาย ที่กินไปชมสัตว์ไป และทั้งยังมีกาแฟสดๆจาก “ยีราฟคอฟฟี่” ให้คอกาแฟได้จิบอีกด้วย
เท่านี้ยังมีพอ ไนท์ซาฟารี ยังมีโชว์ดีๆให้สัมผัสกันอีก ทั้งคาบาเร่ต์โชว์ โชว์จากสัตว์แสนรู้ และการแสดงแสง สี เสียง ผ่านม่านน้ำพุ เป็นต้น แถมทั้งยังมีโซนเครื่องเล่นให้เด็กๆได้สนุกกันอย่างสุดเหวี่ยงด้วยงานนี้สนใจแวะมากันได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-5399-9000 หรือ

อัตราค่าเข้าชม
กลางวัน
ชาวไทย              ชาวต่างชาติ
เด็ก     25            เด็ก     50
ผู้ใหญ่  50            ผู้ใหญ่  100
กลางคืน
ชาวไทย              ชาวต่างชาติ
เด็ก     125          เด็ก     300
ผู้ใหญ่  250          ผู้ใหญ่  500
เวลาเข้าชม
ช่วงกลางวัน
จันทร์-ศุกร์ 13.00-16.00
เสาร์-อาทิตย์ 10.00-16.00
ช่วงกลางคืน
ทุกวัน 18.00-24.00
หมายเหตุ
- เข้าฟรี : สำหรับเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 100 ซม.
- รถลากพ่วง : ให้บริการระหว่างเวลา 19.00-22.30 น.





ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

13 พฤษภาคม 2556

แนะนำร้านอาหารเชียงใหม่ สำหรับคนมาท่องเที่ยวเชียงใหม่


แนะนำร้านอาหารเชียงใหม่ สำหรับคนมาท่องเที่ยวเชียงใหม่

ลา คาซ่า เดอ นิมมาน (La Casa de Nimman)
La Casa de Nimman เป็นร้านเบเกอรี่ที่นอกจากจะมีhomemade เบเกอรี่ รสชาติโดดเด่นแล้ว ยังมีอาหารทั้งไทยและเทศในแบบฉบับของเราเองให้ทุกท่านได้มาลิ้มลองความอร่อย
La Casa ที่แปลว่า บ้าน คือคำจำกัดความของร้านนี้ โดยคุณจะได้รู้สึกถึงคำว่า "บ้าน" ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริการจากทางร้านที่ทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง อาหารรสชาติถูกปาก ตั้งใจปรุงทุกจาน และที่สำคัญ Homemade เบเกอรี่ที่ทำด้วยความตั้งใจ เน้นทุกรายละเอียดและรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
นอกจากอาหารและเบเกอรี่แล้ว เมล็ดกาแฟที่เราใช้ก็พิเศษไม่แพ้กันเพราะเราส่งตรงเมล็ดกาแฟจากประเทศออสเตรเลียที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ด้วยกลิ่นกาแฟที่เป็นเอกลักษณื รสชาติทีนุ่มลิ้น คุณจะสัมผัสได้ถึงความหอมหวานของเมล็ดกาแฟพิเศษนี้ที่เดียวในเมืองไทย
La Casa de Nimman ยังเพิ่มบริการอีกอย่างคือ ห้องพักที่เราจัดไว้ให้คุณรู้สึกเหมือนได้นอนอยู่ที่บ้าน เรามีห้องเพียง 2 ห้องเท่านั้น ห้องพักของเรามาพร้อมกับอาหารเช้าแสนอร่อยที่คุณสามารถเลือกรับประทานในห้องหรือจะลงมาทานกับเราในตอนเช้าก็ได้
ราคาอาหารและห้องพักไม่แพงอย่างที่คุณคิด เพราะเราต้องการให้คุณรู้สึกสบายใจเหมือนได้อยู่บ้าน และแน่นอน สบายกระเป๋าด้วย
เมนูน้ำปั่น เย็นชื่นใจ 
12/1 นิมมานเหมินทร์ ซอย 17 ติดกับร้านอาหารญี่ปุ่นเบบปุ เยื้องโครงการเดอะริง

สวีทรูม (Sweet Room)
ร้าน สวีทรูม เป็นร้านอาหารและ Homestay พอดีได้ไปนั่งเล่นเน็ตกินบราวนี่มา บราวนี่ที่นี่อร่อยมากเป็นสูตรของแม่เจ้าของร้าน สูตรมีมานานประมาณ  25-30 ปี บราวนี่จะเสิร์ฟหอมๆร้อนๆนุ่มๆ หอมนิ่มอร่อยมากๆจะมีส่วนของชอคโกแลตนิ่มๆหอมๆ หรือจะสั่งแบบเพิ่มไอติมก็ได้ เค้าก็จะวางไอติมวนิลาเย็นๆไว้บนบราวนี่อร่อยจริงๆ
ร้านจะเป็นห้องแถวสาม สี่ ชั้น โดยชั้นล่างสุดจะเป็น food and coffee เป็นร้านอาหารกับร้านกาแฟ เล่นเน็ตฟรี ส่วนชั้นบนจะเป็นที่พักตกแต่งแบบไม้ๆ ไทยๆ สะอาด ชั้นบนสุดยังมองเห็นวิวถนนห้วยแก้วและดอยสุเทพด้วย
บรรยากาศส่วนร้านอาหารชั้นล่างก็เป็นบรรยากาศสบายๆไม่เปิดแอร์ จะไปนั่งเล่นเนตทำงาน หรือนั่งทานอาหารก็ได้ เป็นอาหารไทยและอาหารฝรั่งทั่วไป เช่น คลับแซนวิช หรือ อาหารไทย ต้มยำ ยำต่างๆ ได้ไปลองมารสชาติเป็นรสชาติแนวฝรั่งอาจจะไม่เข้มข้นแบบไทย แต่สามารถบอกทางร้านได้ว่าขอเผ็ดๆจี๊ดหน่อย  

เที่ยวเชียงใหม่ แล้วต้องแวะมา
โทร : 053-214668-9 , 083-947-0746


ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

ร้านกาแฟ ชั้น ๑ คาเฟ่ แอนด์ เบ๊ดส์ เที่ยวเชียงใหม่


ร้านกาแฟ ชั้น ๑ คาเฟ่ แอนด์ เบ๊ดส์  จังหวัดเชียงใหม่ 

              ร้านกาแฟชั้น ๑ คาเฟ่ and beds ร้านกาแฟสบายๆชั้น 1 เป็นร้านกาแฟ ชั้น 3 เป็นที่พัก ชอบไอเดียของร้านมากเลยอะ ตอนแรกที่ได้ยินชื่อร้านคิดว่าน่าจะเป็นร้านไฮโซแบบหรูๆเว่อ first class อะไรประมาณนั้น ชั้น ๑ เนี่ยคือ ร้านกาแฟจะอยู่ชั้นแรก แล้วก็ชั้น ๑ อีกความหมายนึงก็คือ ดูแลกันแบบชั้น ๑ เลย พี่เจ้าของร้านกันเองมากๆ เหมือนกับว่าถ้ามาที่นี่ก็เหมือนกับว่ามาเที่ยวที่บ้านเพื่อนเลย ^^ อย่างเวลาที่เราไปเที่ยวบ้านเพื่อนแบบว่าถ้าคืนไหนดึกแล้ว กลับบ้านไม่ไหว เราก็นอนบ้านเพื่อนได้เลย ที่ชั้น ๑ คาเฟ่แอนด์เบ้ดส์ เค้าก็ได้จัดชั้น ๓ ไว้เป็นที่พักแบบ backpacker ,hostel ใครที่ชอบเที่ยว ชอบแบบหนุก ลุยๆ แนวหาเพื่อนเที่ยวหาเพื่อนคุย ที่นี่เลยชั้น ๑

ภาพบรรยากาศโดยรวมของร้าน ที่เที่ยวเชียงใหม่

ร้านอยู่ถนนนิมมานซอย 1 เข้าซอยมา ตรงมาเรื่อยๆประมาณกลางๆซอย ร้านจะอยู่ทางขวามือ มีต้นไม้ร่มๆหน้าร้าน ร้านบรรยากาศดีเลย มีโซนใต้ต้นไม้หน้าร้าน ส่วนในร้านตกแต่งหลายๆแนวๆ มีที่นั่งหลายๆแบบ ทั้งชั้น ๑ และชั้น ๒ เหมาะกับมานั่งสนุกๆคุยสบายๆ ชิลๆ หรือนั่งทำงาน เล่นเนตก็ได้ มีี wireless ฟรีครับ
Concept ของร้านคือ Coffee, Design, Art, Wine, Beer, Music ,Beds  ดื่ม Coffee อร่อยๆ มีงาน Design & Artสวยๆ ฟัง Music สบายๆ ส่วนช่วงดึกทางร้านมี Beer , Wine และ เหล้าอิตาเลี่ยนโซดาด้วย ได้บรรยากาศสบายๆกันเอง คุยกับเพื่อนๆ พี่ๆเจ้าของร้าน ถ้าใครง่วงไม่ไหวก็ต่อด้วย Beds ได้เลย :)
chocolate ร้อนอร่อยมากเลย เค้าจะใส่ chocolate ชิ้นนึงลงไป (ลองดูในรูปได้นะ) ละแบบว่าจิบไป เอาไม้คนๆจะได้ช็อคโกแลตหวานๆเหนียวนุ่มๆ อร่อยดี
มีบริการเติมลมจักรยานด้วยนะ ครั้งละ 1 บาท หรือจะไม่จ่ายก็ได้ :D ฮ่าๆ ในร้านมี fixed-gear คันสวยเลยของพี่เค้า มีหนังสือให้อ่านด้วยนะ ใครชอบยางแบนก็แวะมาเติมลมได้นะ

คลิปวิดิโอแนะนำร้าน



ภายในร้าน บรรยากาศสบายๆ น่านั่ง

วันที่เปิด : MON,TUE,WED,THU,FRI,SAT,SUN
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 - 23:00
ราคา ต่อมื้อ ต่อคน ประมาณ 40 - 150 บาท
โทร : 081-8855822 , 088-4934379
นิมมานเหมินทร์ ซอย 1 กลางซอย ขวามือ



ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

12 พฤษภาคม 2556

เฮือนจันทร์เป็ง ร้านอาหารเหนือ จังหวัดเชียงใหม่


เฮือนจันทร์เป็ง ร้านอาหารเหนือ จังหวัดเชียงใหม่


ร้านเฮือนจันทร์เป็ง ฟังจากชื่อแล้วไม่ต้องทายเลยครับว่าจะเป็นร้านอาหารประเภทไหน มันต้องเป็นอาหารเหนือแน่ๆ จากข้อมูลที่ได้รับ เห็นว่าร้านนี้อยู่สันกำแพง โอ้วววว ไกลใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย แล้วก็ยังปิดเร็วอีก ดังนั้นวันธรรมดานี่ไปไม่ได้แน่ๆ ก็เลยจัดคิวและโทรนัดทางร้านเพื่อเข้าไปทำรีวิวในวันหยุด วันอาทิตย์ครับ และแล้วก็ถึงคิวของร้านเฮือนจันทร์เป็ง ที่จะได้ขึ้นรีวิวแล้ว

เฮือนจันทร์เป็ง ร้านอาหารเหนืออร่อยๆ แห่งเมืองสันกำแพง
ร่มรื่นน่านั่ง

ร้านนี้จะเป็นร้านในบ้าน เป็นร้านเล็กๆ มีโต๊ะนั่งไม่กี่ตัวครับ แต่ว่าลักษณะการตกแต่งร้านของเขาดูดีนะ มีเป็นสวนหย่อม ปลูกหญ้า มีต้นไม้ มีร่มตกแต่งให้ดูสวยงาม และน่านั่ง อีกทั้งยังมีโซนห้องแอร์ด้วย ซึ่งในห้องแอร์ก็จะมีพวกแจกันไม้มะม่วง หรือของตกแต่งบ้านตั้งโชว์พร้อมขาย ตอนที่น้าอ้วนไปที่นี่เขามีฝอยละอองน้ำด้วย มันเลยทำให้บรรยากาศในร้านลดความร้อนไปได้เยอะเลยทีเดียว
เฮือนจันทร์เป็ง ร้านอาหารเหนืออร่อยๆ แห่งเมืองสันกำแพง
บรรยากาศร้านอาหารเชียงใหม่

จะบอกให้ว่าที่นี่ยังไม่มีเมนูเป็นทางการ (หมายถึงเมนูแบบเล่ม) แต่ก็พูดถึงว่าเมนูอาหารของที่นี่เขามีไม่กี่อย่างครับ ก็เป็นอาหารพื้นบ้านของเรา อย่างข้าวซอยหมู ข้าวซอยเนื้อ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยวหลอด ส้มตำผลไม้ อะไรเงี้ยของกินง่ายๆ แต่เห็นว่ากำลังจะเพิ่มก๋วยเตี๋ยวเข้ามาในเมนูด้วย ส่วนเรื่องราคาหายห่วง มีตัง 100 บาท อิ่มได้เป็น 2 คน เพราะราคาอาหารที่นี่ 20, 30 บาทเท่านั้นเอง
เฮือนจันทร์เป็ง ร้านอาหารเหนืออร่อยๆ แห่งเมืองสันกำแพง
น่าอร่อยสุดๆ มาเที่ยวเชียงใหม่ แวะมาทานด้วยนะครับ

สำหรับใครที่อยากจะลองแวะมาทานอาหาร ข้าวซอย ขนมจีน หรือก๋วยเตี๋ยวหลอด ที่ร้านเฮือนจันทร์เป็ง ทางมาอาจจะไกลสักหน่อย (สำหรับคนที่อยู่ในตัวเมือง) แต่เท่าที่พูดคุยกับเจ้าของร้าน หลายๆ ท่านที่อยู่ในเมืองก็แวะเวียนมาอุดหนุนกันเป็นประจำครับ รสชาติอาหารของที่นี่เขาถือว่าอร่อยเลยแหละ แถมราคาถูกอีกด้วย สำหรับเรื่องเวลาปิด เฮือนจันทร์เป็งจะปิดเร็วสักหน่อย ก็เพราะว่าสถานที่ตั้งมันไม่ใช่แหล่งที่ผู้คนจะมาเดินพลุกพล่าน มันเป็นแหล่งของชุมชน บ้านคน ตกเย็นมาก็ต้องยอมรับว่าคนสัญจรจะน้อย ก็เลยปิดร้านเร็วหน่อยครับ



ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

10 พฤษภาคม 2556

น้ำตกแม่กลาง สายน้ำเย็นฉ่ำ ที่เที่ยวเชียงใหม่


น้ำตกแม่กลาง สายน้ำเย็นฉ่ำ ที่เที่ยวเชียงใหม่

น้ำตกแม่กลางเป็นจุดแรกของประตูเข้าสู่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ สายน้ำอันเย็นฉ่ำที่ตกผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ น้ำตกจากหน้าผาสูงประมาณ 100 เมตร ไหลพวยพุ่งมาสู่โกรกเขา ซึ่งเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีชื่อว่า วังน้อยและวังหลวง ในช่วงฤดูฝนน้ำไหลแรงและขุ่นข้นมาก น้ำในแอ่งลึกมาก หากถูกกระแสน้ำปะทะก็อาจจะตกลงไปในแอ่งน้ำ ซึ่งมีน้ำไหลเชี่ยวกราก นักท่องเที่ยวควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของตนเอง

บรรยากาศน้ำตกแม่กลาง ที่เที่ยวเชียงใหม่
การเดินทาง
ทางอุทยานฯ ทำเส้นทางท่องเที่ยวเชียงใหม่เดินเท้าให้นักท่องเที่ยวดินลัดเลาะไปยังศูนย์บริการนักทอ่งเที่ยว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากน้ำตกแม่กลาง 400 เมตร ผ่านศาลาพักริมน้ำตก ซึ่งครั้งหนึ่ง บริเวณนี้เคยสร้างเป็นพลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จประพาสเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2501 ผ่านภาพเขียนสีผาคันนา ซึ่งแฝงตัวอยู่บนหน้าผาหินปูนขนาดใหญ่ มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องนำน้ำไปราดบนหน้า ภาพเขียนจึงจะปรากฏให้เห็น เวลาเข้าไปดูต้องระมัดระวัง รังต่อ รังแตนและรังผึ้งที่อาศัยอยู่บนหน้าผาด้วย หลังจากนั้นจะเดินขึ้นไปชมทิวทัศน์สายน้ำน้ำตกแม่กลางที่ศาลาเทพพิทักษ์ ก่อนไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที

สายน้ำเย็นฉ่ำ น่าไปเที่ยวเชียงใหม่

ด่านเก็บค่าเข้าชม จากตรงนี้เดินไปตัวน้ำตกระยะทางประมาณ 200 เมตรเอง เดินตามถนนไปเรื่อยๆ ไม่เหนื่อยไม่ลำบาก หน้าช่องเก็บค่าเข้าชมมีศาลาข้อมูลที่ควรทราบของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนดอยอินทนนท์แห่งนี้ อย่างเช่น น้ำตกวชิรธาร ยอดดอยอินทนนท์ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นต้น
เดินชมธารน้ำตกแม่กลาง ระหว่างทางเดินไปที่น้ำตกแม่กลาง จะเป็นเส้นทางเลียบลำธารที่ไหลลงมาจากน้ำตกไปเรื่อยๆ กระแสน้ำในวันนี้ไหลเชี่ยวอันตรายมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวเล่นน้ำให้เห็นเลย คงห้ามลงเล่นด้วยเหมือนกัน
 บรรยากาศทางเดินน้ำตกแม่กลาง เส้นทางราบเรียบเดินสะดวกสบายบรรยาศชุ่มเย็นเป็นใจให้กับนักท่องเที่ยว



ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/

9 พฤษภาคม 2556

เที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับสมาชิกใหม่ลูกเสือโคร่งขาว


เที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับสมาชิกใหม่ลูกเสือโคร่งขาว


เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่เที่ยวเชียงใหม่ให้การต้อนรับสมาชิกใหม่ ลูกเสือโคร่งขาว สัตว์ป่าหายากที่เหลืออยู่ในโลกเพียง 300 ตัวเท่านั้น พร้อมเชิญชวนชาวไทยร่วมชมความน่ารักของลูกโคร่งขาวสัตว์ป่าหาชมยากนี้
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.56 ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้จัดงานแถลงข่าวต้อนรับสมาชิกใหม่ ลูกเสือโคร่งขาว 2 ตัวเพศผู้และเพศเมีย สัตว์ป่าหายากที่เหลืออยู่ในโลกเพียง 300 ตัวเท่านั้น พร้อมเชิญชวนชาวไทยร่วมชมความน่ารักของลูกโคร่งขาวสัตว์ป่าหาชมยากนี้

Attached Image: image.jpg
ภาพน่ารักๆของลูกเสือโครง

ดร.ศราวุฒิ ศรีศกุน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร(องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้รับสมาชิกใหม่เป็นลูกเสือขาวจำนวน 2 ตัว ซึ่งเป็นเพศผู้และเพศเมีย ที่เกิดจากพ่อเพชรและแม่พลอย ที่ส่วนจัดแสดงนอร์ทโซน เมื่อวันที่ 21 เม.ย.56 ที่ผ่านมา โดยนับเป็นเสือโคร่งขาวของไนท์ซาฟารีตัวที่ 19 และ 20 ในปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้เสือโคร่งขาวในไนท์ซาฟารีเป็นเพศผู้ 11 คนและเพศเมีย 9 ตัว โดยกระจายในส่วนจัดแสดงต่างๆโดยการต้อนรับสมาชิกใหม่ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่มีโอกาสมอบสิ่งดีๆให้เยาวชนและชาวไทยได้มาเรียนรู้ศึกษาและสัมผัสความน่ารัก ซึ่งนับวันจะมีน้อยลงทุกที
ลักษณะทั่วไปของเสือโคร่ง มีรูปร่างเหมือนเสือโคร่งปกติ ซึ่งมีขนพื้นสีขาวและลายสีน้ำตาลเข้ม ม่านตาสีฟ้า จมูกสีชมพูและสีขาวครีม เสือขาวเกิดจากการผิดปกติของยีนไม่ใช่เสือโคร่งเผือกแท้ แต่เป็นอาการผิดปกติที่ผิวหนังมีจำนวนเม็ดสีน้อย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์พบได้น้อยมากในธรรมชาติ  ปัจจุบันมีเสือโคร่งขาวประมาณ 200 - 300 ตัว ส่วนใหญ่กระจายอยู่ตามสวนสัตว์ต่างๆโดยเสือโคร่งขาวจะผสมพันธุ์เมื่อมีอายุประมาณ 3 ปี เป็นสัดนานประมาณ 3 - 6 วัน ผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุ 30 - 36 เดือนขึ้นไป ผสมพันธุ์ได้ตลอดปี ตั้งท้องนาน 95 - 105 วัน ออกลูกครั้งละ 2 - 5 ตัว

Attached Image: image.jpg
 ภาพลูกเสือโครงน้อย น่ารัก จังหวัดเชียงใหม่

ติดตามเรื่องราวจังหวัดเชียงใหม่ได้ที่: http://travel.sanook.com/thailand/chiangmai/
เรียบเรียง : http://chiangmainice.blogspot.com/