25 มีนาคม 2556

เชียงใหม่...หนาวนี้ยังมีเสน่ห์


หากความสุขจะทำให้เรามีพลังและกำลังใจในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของปี ความสุขที่ว่านี้ก็หาได้ไม่ยากเพราะอยู่เพียงใกล้ๆ ตัวเรา ทางหน้าอกด้านซ้ายไงล่ะ...ใจ ใจ ใจ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ใจและจบลงที่ใจ อันนี้คือความสุขที่อยู่ภายในแล้วความสุขภายนอกหละ..จะหาได้ที่ไหน? ก็ไม่ยากเช่นกันการได้เดินทางออกไปท่องเที่ยวแล้วเก็บเกี่ยวเอาเรื่องราวดีๆ มาฝากกัน นั่นแหละเพียงเท่านี้เราก็มีความสุขแล้ว สุขจากการได้ให้(ความสุข)
"ดอกนางพญาเสือโคร่ง"
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย เที่ยวกันได้ตลอดทั้งปีโดยเฉพาะหน้าหนาวประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ตามยอดดอยต่างๆ อากาศหนาวเย็น ท้องฟ้าแจ่มใสตัดกับสีของดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ มาเที่ยวเชียงใหม่คราวนี้เราโชคดีได้มาเจอ "ดอกนางพญาเสือโคร่ง" ที่เขาเรียกกันว่า "ซากุระเมืองไทย" ทีแรกคิดว่าคงต้องใช้พละกำลังเป็นอย่างมากกว่าจะได้ชมดอกพญาเสือโคร่ง แต่พอเอาเข้าจริงเพียงนั่งรถขึ้นบนดอยอินทนนท์เพียงไม่เท่าไหร่ตรงบริเวณใกล้ๆ กับที่ว่าการอุทยาน (กม.31) ก็เห็นดอกอะไรสีชมพูสวยจัง มองไปมองมาเอานั่นดอกพญาเสือโคร่งนี่หน่า โอ้! สวยมาก จอดถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันอยู่นาน ดอกนางพญาเสือโคร่งมี ชื่อวิทยาศาสตร์ Prunus cerasoides D.Don เป็นไม้สกุล บ้วยท้อ,ซากุระ จึงได้ชื่อว่าเป็น ซากุระเมืองไทยจะกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอยู่ในประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ป่าที่ระดับความสูง 500-1,500 เมตร ในประเทศไทยนำมาปลุกในเขตป่าต้นน้ำ พื้นที่ปลูกตามหน่วยต้นน้ำในเขตภาคเหนือที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000-2,000 เมตร พื้นที่ที่นิยมไปชมดอกนางพญาเสือโคร่ง คือ หน่วยต้นน้ำดอยขุนช้างเคี้ยง ขุนวาง ดอยอินทนนท์ ขุนแม่ยะ ดอยอ่างข่าง จุดชมวิวผ้าห่มปก จะเห็นเป็นดอกได้ก็ต่อเมื่ออุณหภูมิลดต่ำกว่า 20 องศาเป็นต้นไป เมล็ดของมันสามารถเอามาดองทำเหมือนบ๊วยหวานได้ ช่วงที่เริ่มดูดอกพญาเสือโคร่ง ประมาณกลางเดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีมีสีขาวและสีชมพู กลีบดอกมี 5 กลีบโดยจะทิ้งใบก่อนออกดอก ช่อหนึ่งบานอยู่ได้ประมาณ 5 วัน ส่วนทั้งต้นจะมีดอกให้เราเห็นได้ประมาณ 20 วัน สามารถโทรสอบถามทางอุทยานฯ ก่อนออกเดินทางไปชม และแล้วปีใหม่ปีนี้ชีวิตของเราก็โรยไปด้วยกลีบดอกนางพญาเสือโคร่ง...
สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะช่วยเหลือชาวเขาซึ่งแต่เดิมมักบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น ให้มีพื้นที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง ส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนฝิ่น ถ่ายทอดวิชาความรู้ทางด้านการเกษตรแผนใหม่อันจะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้น ปรับปรุงฐานะความเป็นอยู่ของชาวเขาให้ดีขึ้น อีกทั้งป้องกันการบุกรุกทำลายป่าไม้ต้นน้ำลำธารด้วยการทำการเกษตรแบบถาวร ที่นี่ก็มีดอกนางพญาเสือโคร่งเหมือนกัน และก็มีไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวนานาพรรณ เช่น ดอกพระจันทร์ทรงกลด กุหลาบ เจอบีร่า ไฮเดรนเยีย ดอกกะหล่ำปลีสีขาว สีม่วง สวนเฟิร์น สวนกระบองเพชร ฯลฯ มีงานวิจัยและงานผลิตต่างๆ มากมาย เสียค่าบัตรผ่านประตูท่านละ 20 บาท

ดอยอินทนนท์
เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดของแดนสยาม 2,565 เมตร จุดสิ้นสุดของทางหลวงหมายเลข 1009 มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยและเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจ้าอิน ทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้ายซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของป่าไม้และหวงแหนดอยหลวงเป็นอย่างมากต้องการที่จะอนุรักษ์ไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน ท่านผูกพันกับที่นี่มากจึงสั่งว่าหากสิ้นพระชนม์ไปแล้วให้แบ่งเอาอัฐิส่วนหนึ่งมาไว้ที่นี่อัตราค่าเข้าเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท รถยนต์ 30 บาท รถจักรยานยนต์ 20 บาท

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
ใครๆ ที่ได้มาเยือนจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่จะไม่พลาดที่จะขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุที่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร กัน ซึ่งวัดพระธาตุดอยสุเทพนี้เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่โบราณกาล ถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยสุเทพตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ ผู้ที่เดินทางมาสักการะที่วัดแห่งนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ได้อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาคไป 300 ขั้น เพื่อไปยังวัด หรือใช้บริการรถรางไฟฟ้าขึ้น-ลงดอยสุเทพได้ ระหว่างเวลา 05.30-19.30 น. ค่าบริการคนละ 20 บาท (ขึ้น-ลง) การเดินทาง จากตัวเมืองสามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางผ่านหน้ามหาวิทยาลัยและสวนสัตว์ เชียงใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถส่วนตัวสามารถเดินทางมาที่วัดโดยรถสองแถว ประจำทางจากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้านถนนห้วยแก้ว ซึ่งบริการระหว่างเวลาประมาณ 05.00-17.00 น.

พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์

จากวัดพระธาตุดอยสุเทพไปยังพระตำหนักฯ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า สามารถเดินชมโดยรอบตำหนักและบริเวณซึ่งมีแปลงกุหลาบ สวนเฟิร์น และไม้นานาพรรณ โดยปกติแล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ทั้งนี้จะต้องเป็นช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มิได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ซึ่งปกติจะปิดในช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามจากสำนักงาน ททท.ภาคเหนือเขต 1 (สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 053-248-604, 053-248-607) ค่าเข้าชม คนละ 20 บาท ต่างชาติ 50 บาท โปรดแต่งกายให้สุภาพ

บ้านม้งดอยปุย

เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เราประทับใจ เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย บริเวณหมู่บ้านจำหน่ายของที่ระลึกจำนวนมากซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในหมู่บ้าน และนำมาจากที่อื่นวางจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว มีพิพิธภัณฑ์ม้ง สวนดอกไม้ซึ่งมีบริการถ่ายรูปแต่งชุดชาวเขา บริการถ่ายรูปคู่กับเด็กดอย ซึ่งจะมีท่าประจำเผ่า คือ ชู 2 นิ้วกันทุกคนเพื่อเป็นนัยบอกว่าขอค่าถ่ายภาพ 20 บาทก็ถือว่าเป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กแล้วก็ได้ภาพประทับใจเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย บริเวณรอบๆ หมู่บ้านมีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นดอยอินทนนท์ได้ หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนดอยปุย ห่างจากพระตำหนักฯ ประมาณ 3 กิโลเมตร ทางลาดชันบ้างบางช่วง สามารถเข้าไปเที่ยวด้วยตนเองได้ หรือจะเช่ารถสองแถวจากดอยสุเทพขึ้นไปได้ทุกฤดูกาล มีบริการเด็กเป็นไกด์นำเที่ยวค่าใช้จ่ายแล้วแต่จะให้ แต่เสียค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ท่านละ 20 บาท

ถนนนิมมานเหมินทร์- ถนนคนเดิน

ตั้งอยู่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นถนนสั้นๆ ความยาวไม่ถึงกิโลฯ แต่ถือว่าเป็นทำเลทองของการทำธุรกิจ เป็นแหล่งรวบรวมความทันสมัย หากจะเปรียบแล้วถนนนิมมานเหมินทร์ก็คงคล้ายกับถนนสุขุมวิทของกรุงเทพฯ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของตกแต่งบ้าน สถานบันเทิง มีให้เลือกเดินเล่นกันตามตรอกซอกซอยตลอดทั้งถนน และถ้าเดินช้อปปิ้งกันจนเหนื่อยแล้วล่ะก็ขอแนะนำให้นั่งสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ดับกระหายและขนมเค้กอร่อยๆ กันได้ที่ ร้านมองบลังค์ ตรงหัวมุมซอย 7 เป็นร้านเค้กฝรั่งเศสสไตล์ญี่ปุ่นที่มีลูกค้ายืนรอคิวกันยาวเหยียด หรือถ้าเย็นหน่อยก็แวะทานมือเย็นกันได้ที่ ร้านคุณนายตื่นสาย อยู่ในซอย 11 บรรยากาศแบบชิวๆ นั่งสบายๆ เคล้าเสียงเพลงเบาๆ ที่สำคัญมีเมนูให้เลือกอิ่มอร่อยกับแบบมากมาย รสชาติอร่อย ตกกลางคืนย่านนี้มีที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่คึกคักมากเช่นร้าน monkey หรือ worm up ที่หากใครมาเชียงใหม่มักจะมาเยี่ยมเยือนเสมอ หากใครมาเชียงใหม่แล้วไม่ได้แวะมาย่านถนนนิมมานเหมินทร์นี้ ก็เหมือนว่าจะขาดอะไรไปสักอย่างที่จะทำให้การท่องเที่ยวในเมืองเชียงใหม่ไม่สมบูรณ์

สถานที่สุดท้ายที่ขาดไม่ได้สำหรับการมาเยือนเชียงใหม่คือ ถนนคนเดิน ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เป็นแหล่งชอปปิ้ง ที่น่าสนใจที่สุดมีของวางขายหลายประเภท เป็นแหล่งรวมงานฝีมือ สินค้าทำมือราคาถูก เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน ของที่ระลึก รวมทั้งเราอาจจะได้เห็น การแสดงฝีมือของศิลปินอิสระอีกด้วย ถ้าหากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบงานฝีมือ งาน ศิลปะ และไม่เกี่ยงเรื่องการเดินแล้ว ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่จะมาเดิน มีทั้งวันเสาร์-อาทิตย์ แต่คนละสถานที่ ถนนคนเดินวันเสาร์ ตั้งอยู่บนถนนวัวลาย อยู่เยื้องๆ กับ ประตูเชียงใหม่ ยาวไปจนเกือบสุดถนน ส่วนถนนคนเดิน วันอาทิตย์ ตั้งอยู่บริเวณตั้งแต่หลังประตูท่าแพ ไปทางด้าน ถ.ราชดำเนิน ถึงสีแยกกลางเวียง เลยไปถึงหน้าวัดพระสิงห์ โดยสี่แยกกลางเวียง จะมีทางซ้ายแยกไปทางวัดเจดีย์หลวง ทางขวาก็จะมีไปจนถึงเยื้องๆ หน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น